แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การห้ามลูกหนี้กระทำการตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ. 2483 ไม่มีความหมายรวมถึงการจัดการทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทำกิจการแทนผู้อื่นด้วย ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อประทับตราของบริษัทจำเลยที่ 1 แต่งตั้งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลจึงเป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกออกไปอีกส่วนหนึ่งจากจำเลยที่ 2 นั้น ย่อมมีอำนาจกระทำได้ไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 6804 และโฉนดเลขที่ 12229 ตำบลพุแค อำเภอเมืองสระบุรีจังหวัดสระบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1ที่โจทก์ยึดไว้แก่นางสมใจ มานะตระกูล ผู้ให้ราคาสูงสุด จำนวน2,400,000 บาท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2531 ตามคำสั่งศาล
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ไม่ทราบประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี และการขายทอดตลาดได้ราคาต่ำกว่าราคาเป็นจริงมาก การขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ชอบ ขอให้ยกเลิก
โจทก์และนางสมใจ มานะตระกูล ผู้ซื้อทรัพย์ร้องคัดค้านว่าการขายทอดตลาดดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว และจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องเพราะจำเลยที่ 2 ซึ่งลงลายมือชื่อประทับตราของจำเลยที่ 1 แต่งทนายความยื่นคำร้อง ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้ว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องเกินกว่าแปดวันนับแต่ทราบการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างไต่สวนคำร้องจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 แถลงรับว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งลงลายมือชื่อประทับตราของจำเลยที่ 1 แต่งตั้งทนายความยื่นคำร้องได้ถูกศาลแพ่งธนบุรีมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2529
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วให้งดการไต่สวน แล้วมีคำสั่งยกคำร้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ว่า การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อประทับตราของจำเลยที่ 1แต่งตั้งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลภายหลังจากถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 24 นั้น พิจารณาแล้วตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวบัญญัติว่า”เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูก่าหนี้แล้ว ห้ามมิให้ลูกหนี้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือกิจการของตน เว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้” เห็นว่า การห้ามลูกหนี้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวไม่มีความหมายรวมถึงการจัดการทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทำกิจการแทนผู้อื่นด้วย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อประทับตราของจำเลยที่ 1 แต่งตั้งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลจึงเป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกออกไปอีกส่วนหนึ่งจากจำเลยที่ 2 นั้น ย่อมมีอำนาจกระทำได้ไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีนั้นเป็นการชอบแล้ว ฎีกาโจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.