คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอคืนเงินค่าซื้อบ้านโดยอ้างเหตุว่าสัญญาเลิกกันได้ความว่าสัญญาซื้อขายบ้านเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ศาลก็พิพากษาให้จำเลยคืนเงินในฐานลาภมิควรได้ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกต้องได้หาเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าคำฟ้องไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายบ้านให้แก่โจทก์ ในราคา 200,000 บาทโดยให้โจทก์ผ่อนส่งให้เสร็จสิ้นภายใน 6 ปี โจทก์ผ่อนชำระราคาบ้านให้จำเลยแล้ว 11 เดือน เป็นเงิน 20,700 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมรับเงินที่โจทก์ผ่อนชำระค่าบ้าน และปฏิเสธไม่ยอมขายบ้านแก่โจทก์เป็นการผิดสัญญา โจทก์ให้ทนายบอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 20,700 บาท คืนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องหากมีอยู่จริงก็เป็นโมฆะเพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,700 บาทคืนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน20,700 บาท แก่โจทก์นั้นเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าคำฟ้องหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีแพ่งนั้นเมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การและตามข้อนำสืบของทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ชัดแจ้งอย่างใดแล้ว ศาลก็ยกข้อกฎหมายขึ้นปรับแก่คดีเองได้ คดีนี้จำเลยต่อสู้อย่างเดียวว่าสัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องเป็นโมฆะเพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนเงินค่าซื้อบ้านที่โจทก์ขอคืนจำเลยไม่ได้โต้เถียงเลยว่าจำเลยมีสิทธิหรือไม่ต้องคืนด้วยเหตุใด เช่นนี้ เมื่อสัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เงินค่าซื้อบ้านที่จำเลยได้รับชำระไว้จากโจทก์จึงเป็นเงินที่จำเลยได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จำเลยจำต้องคืนแก่โจทก์ ถึงโจทก์จะขอคืนโดยอ้างเหตุว่าสัญญาเลิกกัน ศาลก็พิพากษาให้จำเลยคืนในฐานลาภมิควรได้ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ หาเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าคำฟ้องไม่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share