คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องโดยบรรยายข้อเท็จจริงตอนต้นถึงการกระทำของผู้ร้ายว่าได้ลักโคสำเร็จไปแล้วและตอนหลังบรรยายถึงการติดตามจับจำเลยและโคของกลางย่อมเป็นข้อความที่จำเลยทราบข้อหาได้ดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.กรณีถือว่าระบุสถานที่เกิดเหตุในความผิดฐานรับของดจรแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๘๓ เวลากลางคืนได้มีคนร้ายลักโค ๒ ตัวราคา ๕๐ บาทของนายสิงห์ไป เหตุเกิดที่ตำบลค้อใต้ อภำเภอสว่างดินแดนจังหวัดสกลนครตามวันเวลาที่กล่าวแล้วเจ้าพนักงานกับพวกตามจับจำเลยและโคของกลางได้โดยจำเลยสมคบกันเป็นผู้ร้ายลำกหรือรับซื้อไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นโคที่ได้มาจากการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๓,๒๙๔,๓๒๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๙๔ ตอน ๒ กฎหมายลักษณอาญา
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยหาว่าลักทรัพย์และรับรองของโจรในเวลาเดี๋ยวกัน ทำให้จำเลยเสียเปรียบและฟ้องโจทก์มิได้กล่าวถึงสถานที่รับของโจร
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีกว่าการลักกับการจับโคได้ที่จำเลยนั้นมีระยะเวลาก่อนหลังต่างกัน และข้อที่กล่าวถึงการกระทำผิดว่าเป็นวันและเวลาที่กล่าวถึงการกระทำผิดว่าเป็นวันและเวลาที่กล่าวแล้วนั้น มิได้หมายความว่าการกระทำผิดในขณะเดียวกันทั้งลักทรัพย์และรับของดจร เมื่ออ่านฟ้องรวมกันก็ได้ความแต่เพียงว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดในเวลากลางคืนคืนเดียวกับโดยมีระยะเวลาก่อนหลังต่างกัน ไม่มีเหตุที่จำเลยจะหลงข้อต่อสู้ประการใด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมและอีกข้อหนึ่งที่ว่าฟ้องโจทก์มิได้กล่าวถึงสถานที่รับของโจรนั้น ก็ปรากฎคำหาของโจทก์ได้ระบุถึงสถานที่เกิดเหตุไว้ตอนต้น พอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงพิพากษายืน

Share