คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4823/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่เจ้าหนี้จะขอแก้ไขแผนได้ เจ้าหนี้จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/45 และการที่ศาลจะพิจารณาแผนที่มีการแก้ไขแล้วได้นั้น แผนที่มีการแก้ไขแล้วดังกล่าวจะต้องผ่านการยอมรับจากที่ประชุมเจ้าหนี้มาแล้วตามมาตรา 90/46 แต่การที่กฎหมายกำหนดให้ศาลเข้ามามีบทบาทในการควบคุมดูแลการฟื้นฟูกิจการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เมื่อได้คำนึงถึงเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการหรือเพื่อให้การฟื้นฟูกิจการดำเนินการต่อไปได้ ทั้งกรณีมีเหตุจำเป็นและสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้รับคำขอแก้ไขแผนที่ยื่นล่วงเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือไม่ได้
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/27 และมาตรา 90/60 ประสงค์ให้มูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ทุกประเภทที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเข้ามาอยู่ในระบบการฟื้นฟูกิจการทั้งหมด แม้ว่าหนี้นั้นจะเป็นหนี้ภาษีอากรทั้งนี้เพื่อให้หนี้สินของลูกหนี้ที่มีอยู่แล้วได้รับการชำระสะสางภายใต้กรอบของแผนฟื้นฟูกิจการให้เสร็จไป เมื่อกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิหรือคุ้มครองแก่เจ้าหนี้ภาษีอากรในมูลหนี้ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเป็นพิเศษ ภายใต้บังคับมาตรา 90/58(2) ประกอบมาตรา 130(6) สิทธิของเจ้าหนี้ภาษีอากรจึงมีฐานะเช่นเดียวกับเจ้าหนี้อื่น ทั้งได้บัญญัติผลของการที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนไว้เป็นการเฉพาะโดยชัดแจ้งแล้วตามมาตรา 90/60 วรรคหนึ่ง จึงไม่อาจนำมาตรา 56 ในเรื่องผลของการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายมาใช้โดยอนุโลม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และมีคำสั่งตั้งให้ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่าในการประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2544 เพื่อปรึกษาว่าจะยอมรับแผนหรือไม่ หรือจะแก้ไขอย่างไร ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนที่ได้มีการแก้ไขแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/46 ขอให้ศาลนัดพิจารณาแผน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งกำหนดนัดพิจารณาแผนให้ผู้ทำแผน ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบโดยชอบแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/56

เจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านว่า ตามแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในส่วนที่ 10 ว่าด้วยการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้กลุ่ม ข. ซึ่งแผนได้กำหนดวิธีการจัดสรรคืนแก่เจ้าหนี้ไว้ในข้อ 10.3.3 วรรคสาม ว่า “หากรายได้จากการขายทรัพย์สินต่ำกว่ายอดหนี้ที่ค้างชำระให้ถือว่าส่วนดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมดจากวันที่ค้างชำระถึงวันที่เจ้าหนี้ได้รับเงินจัดสรรและส่วนต้นเงินค้างชำระหลังจากการจัดสรรเงินชำระหนี้เสร็จสิ้นลงเจ้าหนี้ไม่ติดใจเรียกร้องทั้งหมด…”แผนฟื้นฟูกิจการส่วนนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายและพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/42 และมาตรา 90/58 เนื่องจากหนี้ภาษีอากรมีลักษณะแตกต่างจากมูลหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ที่ยื่นคำขอชำระหนี้ โดยหนี้ภาษีอากรนั้นเกิดโดยผลของกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และประมวลรัษฎากร กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายเฉพาะและให้ความสำคัญแก่มูลหนี้ภาษีอากรแตกต่างจากมูลหนี้สามัญอื่น ๆดังเช่นในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 หมวด 1 ส่วนที่ 6 ว่าด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย มาตรา 56 ส่วนที่ 10 การปลดจากล้มละลาย มาตรา 77 ก็ได้บัญญัติสอดคล้องต้องกันว่า การประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับและศาลเห็นชอบแล้วนั้นแม้จะผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดแต่ก็ไม่ผูกมัดเจ้าหนี้ภาษีอากร ทั้งนี้เพราะหนี้ภาษีอากรนั้นมีมูลมาจากบทบัญญัติของกฎหมายและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทั้งในการที่จะงด ลดหรือตัดทอนจำนวนหนี้ภาษีอากรนั้นจะต้องทำตามเงื่อนไขบทบัญญัติตามประมวลรัษฎากร การที่ให้ผู้ทำแผนสามารถทำแผน งดหรือลดหนี้ของเจ้าหนี้ได้ และเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยแผนแล้วจะผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งปวง แต่หนี้ดังกล่าวนั้นหาได้รวมถึงหนี้ภาษีอากรด้วยไม่ เพราะหนี้ภาษีอากรเจ้าหนี้ทั้งปวงไม่มีอำนาจที่จะประชุมหรือมีมติในทำนองนั้น แผนฟื้นฟูกิจการตามข้อ 10.3.3 วรรคสามจึงขัดต่อเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/42 และขัดต่อประมวลรัษฎากรที่ให้อำนาจรัฐจัดเก็บภาษี เมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่มีอำนาจลงมติให้ผูกพันหนี้ภาษีอากรได้ มติเห็นชอบในแผนดังกล่าวจึงไม่ผูกพันหนี้ภาษีอากร ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการในข้อ 10.3.3 วรรคสาม ข้อ 10.4.2(3) และข้อ 10.4.3(2) วรรคสอง ว่าให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากภาระหนี้สิน ยกเว้นเจ้าหนี้ภาษีอากร หากผู้ทำแผนไม่ยอมแก้ไขแผนก็ให้ศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผน

ผู้ทำแผนยื่นคำชี้แจงว่า คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้นั้นเป็นหนี้ภาษีอากรที่ถึงกำหนดชำระเกิน 6 เดือน จึงไม่มีบุริมสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 130(6) แผนฟื้นฟูกิจการจึงจัดให้เจ้าหนี้อยู่ในเจ้าหนี้กลุ่ม ข. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกัน แผนฟื้นฟูกิจการนั้นมีรายการครบถ้วนแล้ว ที่เจ้าหนี้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ทำแผนแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการโดยเพิ่มเติมว่า ยกเว้นเจ้าหนี้ภาษีอากร ในข้อ 10.3.3 วรรคสามข้อ 10.4.2(3) ข้อ 10.4.3(2) วรรคสองนั้น ถ้าหากมีการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวก็จะเป็นการเลือกปฏิบัติเฉพาะหนี้ภาษีอากรซึ่งทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในกลุ่มเดียวกันได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน แผนฟื้นฟูกิจการจะไม่เป็นไปตามมาตรา 90/42 ตรี อันจะขัดต่อกฎหมาย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำชี้แจงว่า ในคดีล้มละลายและคดีฟื้นฟูกิจการแม้ว่าเหตุที่เข้าสู่กระบวนการทางศาลเหมือนกัน คือลูกหนี้ต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ในคดีฟื้นฟูกิจการกฎหมายได้คำนึงถึงการรักษากิจการของลูกหนี้เอาไว้ อันจะส่งผลถึงบุคคลภายนอกที่ต้องพึ่งพาตัวลูกหนี้ตลอดจนเศรษฐกิจของชาติโดยรวม ทั้งกฎหมายฟื้นฟูกิจการมีเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งว่า เจ้าหนี้จะต้องได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายบทบัญญัติในส่วนคดีฟื้นฟูกิจการนั้นอยู่ในหมวด 3/1 กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ จึงบัญญัติไว้ต่างหากอีกส่วนหนึ่งโดยเฉพาะ เช่นนี้ในกรณีใดที่กฎหมายฟื้นฟูกิจการบัญญัติไว้แล้ว ก็ไม่ต้องนำบทบัญญัติส่วนล้มละลายมาใช้บังคับอีก ที่กฎหมายบัญญัติให้มูลหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 90/26 และมาตรา 90/27ถ้าไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาดังกล่าว เจ้าหนี้ผู้นั้นก็อาจหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ไม่ว่าการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้นั้นจะเป็นผลสำเร็จหรือไม่ตามมาตรา 90/61 เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้ทราบถึงจำนวนหนี้ของลูกหนี้ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้รวมถึงการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในการฟื้นฟูกิจการด้วย เมื่อพิจารณาบทบัญญัติตามมาตรา 90/42 ทวิ มาตรา 90/42 ตรี และมาตรา 90/58 แล้วบทบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติเฉพาะเจาะจงให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ภาษีอากรต่างหากจากเจ้าหนี้อื่นโดยมีเงื่อนไขยกเว้นไม่ให้หนี้ภาษีอากรต้องผูกพันตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้แต่อย่างใด กฎหมายเพียงบัญญัติว่าเจ้าหนี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันจะต้องได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน คดีนี้ผู้ทำแผนได้จัดให้เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันอยู่ในกลุ่ม ข. หากเจ้าหนี้เห็นว่าผู้ทำแผนจัดกลุ่มเจ้าหนี้ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รู้ถึงการจัดกลุ่มได้ แต่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้คัดค้านการจัดกลุ่มเจ้าหนี้แต่อย่างใดแม้ว่าประมวลรัษฎากรจะมีเจตนารมณ์ในการจัดเก็บภาษีอากรจากผู้มีรายได้ทั่วประเทศอย่างทั่วถึงเพื่อให้รัฐได้รับประโยชน์สูงสุดในการจัดเก็บภาษีเข้าสู่รัฐ แต่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ ในส่วนฟื้นฟูกิจการก็มีเจตนารมณ์เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมซึ่งน่าจะส่งผลถึงการจัดเก็บภาษีของรัฐให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในภาวะที่ประเทศประสบกับปัญหาเศรษฐกิจด้วย กล่าวคือ กิจการบางกิจการที่อยู่ในภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว อาจมีความเป็นไปได้ที่จะดำรงอยู่และสามารถสร้างรายได้ในอนาคต แต่หากกิจการดังกล่าวต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายอาจจะส่งผลต่อการเลิกจ้างงาน ทำให้เกิดปัญหาคนตกงานและขาดรายได้ และกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการของลูกหนี้อาจจะต้องประสบปัญหาจนต้องปิดกิจการตามไปด้วยซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องทำให้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศขยายวงกว้างขึ้นทำให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีเงินได้ของนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาที่ประสบปัญหาดังกล่าวได้ และรัฐต้องเสียงบประมาณส่วนหนึ่งมาดูแลผู้ประสบปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการแม้เจ้าหนี้ภาษีอากรจะถูกตัดปรับลดหนี้เท่าใดก็ตามแต่เจ้าหนี้ก็ต้องได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายและหากลูกหนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้รัฐย่อมมีรายได้จากการจับเก็บภาษีทั้งจากการประกอบการของลูกหนี้และรายได้ของลูกจ้างของลูกหนี้ ตลอดจนกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับลูกหนี้อีกด้วยเช่นนี้ การดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายฟื้นฟูกิจการจึงไม่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเห็นว่าในมูลหนี้ภาษีอากรซึ่งเกิดก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการนั้นแผนฟื้นฟูกิจการสามารถกำหนดให้หนี้ดังกล่าวถูกตัดปรับลดได้ตามเงื่อนไขในพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนที่มีการแก้ไข

เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือ

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกตามที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ทำแผนแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการในข้อ 10.3.3 วรรคสามข้อ 10.4.2 และข้อ 10.4.3 ในทำนองว่าหลังจากปฏิบัติตามแผนครบถ้วนแล้วลูกหนี้ยังต้องรับผิดในหนี้ภาษีอากรอยู่นั้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ก่อนที่ศาลจะพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยแผน เจ้าหนี้มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งผู้ทำแผนแก้ไขแผนได้หรือไม่ เห็นว่าในการขอแก้ไขแผนนั้น เจ้าหนี้จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 90/45 และการที่ศาลจะพิจารณาแผนที่มีการแก้ไขแล้วได้นั้นแผนที่มีการแก้ไขแล้วดังกล่าวจะต้องผ่านการยอมรับจากที่ประชุมเจ้าหนี้มาแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/46 แต่อย่างไรก็ตาม การที่กฎหมายกำหนดให้ศาลเข้ามามีบทบาทในการควบคุมดูแลการฟื้นฟูกิจการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนั้น เมื่อได้คำนึงถึงเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการหรือเพื่อให้การฟื้นฟูกิจการดำเนินการต่อไปได้ทั้งกรณีมีเหตุจำเป็นและสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้รับคำขอแก้ไขแผนที่ยื่นล่วงเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือไม่ ได้

ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า แผนฟื้นฟูกิจการจะกำหนดปรับลดหนี้ภาษีอากรซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/27 บัญญัติว่า “เจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ…” และมาตรา 90/60 บัญญัติว่า “แผนซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้วผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้…” กฎหมายจึงประสงค์ให้มูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ทุกประเภทที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งไม่ฟื้นฟูกิจการเข้ามาอยู่ในระบบการฟื้นฟูกิจการทั้งหมด แม้ว่าหนี้นั้นจะเป็นหนี้ภาษีอากรก็ตาม ทั้งนี้เพื่อให้หนี้สินของลูกหนี้ที่มีอยู่แล้วได้รับการชำระสะสางภายใต้กรอบของแผนฟื้นฟูกิจการให้เสร็จไป นอกจากนี้กรณีใดที่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ ต้องการให้มูลหนี้ภาษีอากรมีสิทธิเหนือเจ้าหนี้ธรรมดาหรือคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ภาษีอากรเป็นพิเศษ กฎหมายก็จะบัญญัติไว้ชัดแจ้งเช่น ผลของการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายตามมาตรา 56 การปลดจากล้มละลายตามมาตรา 77 หนี้ภาษีอากรซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนตามมาตรา 90/27 วรรคสาม หนี้ภาษีอากรที่เกิดขึ้นเนื่องจากการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามแผนตามมาตรา 90/62(2) หรือหนี้ภาษีอากรที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 130(6) เช่นนี้ เมื่อกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิหรือคุ้มครองแก่เจ้าหนี้ภาษีอากรในมูลหนี้ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเป็นพิเศษ ภายใต้บังคับของมาตรา 90/58(2) ประกอบด้วยมาตรา 130(6) สิทธิของเจ้าหนี้ภาษีอากรจึงมีฐานะเช่นเดียวกับเจ้าหนี้อื่น ทั้งเมื่อพระราชบัญญัติล้มละลายหมวด 3/1 ว่าด้วยกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้บัญญัติผลของการที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนไว้เป็นการเฉพาะโดยชัดแจ้งแล้วตามมาตรา 90/60 วรรคหนึ่ง จึงไม่อาจนำมาตรา 56 ในเรื่องผลของการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายมาใช้โดยอนุโลมดังที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

อนึ่ง คดีนี้ศาลล้มละลายกลางยังไม่ได้มีคำสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยแผน เป็นการไม่ชอบด้วยข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 ข้อ 24 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยแผนในทั้งสองชั้นศาลให้เป็นพับ

Share