คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บริษัทโจทก์ได้จดทะเบียนไว้ว่า ส.หรืออ. กรรมการคนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทจึงผูกพันโจทก์ได้ จำเลยได้ทำสัญญารับจ้างเหมาสร้างเครื่องอบมะพร้าวผงโดยสัญญาทำในนามของโจทก์และมี ส. กรรมการโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้ว่าจ้าง จำเลยเป็นผู้นำเครื่องอบมะพร้าวผงไปติดตั้งที่โรงงานของโจทก์ เพื่อใช้ผลิตมะพร้าวผงอันเป็นกิจการของโจทก์และรับเงินค่าติดตั้งจากโจทก์ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นการทำกับโจทก์หาใช่ทำกับ ส. ในนามส่วนตัวไม่ เมื่อจำเลยทำสัญญากับโจทก์ก็ต้องผูกพันตามสัญญา จะอ้างว่าโจทก์ไม่ประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์จึงไม่ผูกพันหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยสร้างและติดตั้งเครื่องอบมะพร้าวผง จำนวน 1 ชุด ราคา 240,000 บาท โดยเครื่องอบมะพร้าวจะต้องทำการผลิตมะพร้าวแห้งผงได้ไม่น้อยกว่าชั่วโมงละ 130 กิโลกรัมและจะต้องส่งมอบเครื่องอบมะพร้าวผงให้โจทก์ภายใน 50 วัน นับแต่วันทำสัญญา หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยทั้งสิ้น200,000 บาท แต่จำเลยไม่สามารถติดตั้งเครื่องอบมะพร้าวที่สามารถอบมะพร้าวแห้งผงได้ไม่น้อยกว่าชั่วโมงละ 130 กิโลกรัม โจทก์ให้จำเลยทำการซ่อมแซมแต่จำเลยก็เพิกเฉย จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลย ขอบังคับให้จำเลยใช้เงิน 293,500 บาทแก่โจทก์พร้อมค่าเสียหายวันละ 250 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยรื้อถอนเครื่องอบมะพร้าวผงออกไปจากโรงงานของโจทก์ หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับจ้างตามสัญญาจ้างเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 จริง แต่จำเลยได้ทำสัญญากับนายสมัคร อึ้งรัศมี เป็นการส่วนตัวไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์เพราะหากจำเลยทำสัญญากับโจทก์ในสัญญาต้องมีตราประทับของโจทก์ด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 203,500 บาท ให้โจทก์ให้จำเลยรื้อถอนเครื่องอบมะพร้าวผงออกไปจากโรงงานของโจทก์หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอน ให้โจทก์รื้อถอนออกไป โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ 153,500 บาท คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ได้จดทะเบียนไว้ว่านายสมัคร อึ้งรัศมี หรือนางอำนวย อึ้งรัศมีกรรมการคนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทจึงผูกพันโจทก์ได้ จำเลยได้ทำสัญญารับจ้างเหมาสร้างเครื่องอบมะพร้าวผงลงวันที่ 3 มีนาคม 2529 ระบุในสัญญาว่ามีนายสมัคร อึ้งรัศมี บริษัททะเลไทยแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด (โจทก์)เป็นผู้ว่าจ้าง ตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 100,000 บาท ชำระในวันติดตั้งเครื่องอบมะพร้าวผงอีก 50,000 บาท ชำระในวันที่พร้อมจะใช้เครื่องอบมะพร้าวผงอีก 50,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 40,000 บาท ชำระหลังจากส่งมอบเครื่องแล้ว โดยนายสมัครได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้ว่าจ้างแต่มิได้ประทับตราของบริษัทโจทก์ต่อมาจำเลยได้ติดตั้งเครื่องอบมะพร้าวผงให้โจทก์ และจำเลยได้รับชำระเงินค่าจ้างติดตั้งจากโจทก์แล้วบางส่วน โดยได้รับชำระตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3ฟังยุติแล้วเป็นเงินรวม 182,500 บาท หลังจากนั้นโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยแก้ไขเครื่องอบมะพร้าวผงให้ใช้งานได้ตามสัญญา แต่จำเลยมิได้แก้ไข โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและฟ้องเป็นคดีนี้
ปัญหาแรกตามฎีกาของจำเลยมีว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยหรือไม่ เห็นว่า สัญญาติดตั้งเครื่องอบมะพร้าวผงทำในนามของโจทก์ โดยมีนายสมัคร อึ้งรัศมีกรรมการโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้ว่าจ้าง จำเลยเป็นผู้นำเครื่องอบมะพร้าวผงไปติดตั้งที่โรงงานของโจทก์เพื่อใช้ผลิตมะพร้าวผงอันเป็นกิจการของโจทก์ และรับเงินค่าติดตั้งจากโจทก์ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นการทำกับโจทก์ หาใช่ทำกับนายสมัครในนามส่วนตัวไม่เมื่อจำเลยทำสัญญากับโจทก์ก็ต้องผูกพันตามสัญญา จะอ้างว่าโจทก์ไม่ประทับตราสำคัญหาได้ไม่ โจทก์มีอำนาจฟ้อง”
พิพากษายืน

Share