คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมกับ ท. มารดาโจทก์ร่วมและจำเลยยังโต้เถียง ความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกันอยู่ จำเลยเข้าไปไถที่ดินพิพาทเพราะ ท. ให้จำเลยทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๕, ๘๓
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็น โจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๕, ๘๓ จำคุกคนละ ๓ เดือน ปรับคนละ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอไว้ ๒ ปี ไม่ชำระค่าปรับให้ กักขังแทน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่ดินพิพาทเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยอ้างว่าได้รับมรดกจากนายบีบิดา และได้ครอบครองมานานประมาณ ๑๐ ปี แต่นางทองมารดาและน้องโจทก์ร่วม ทุกคนได้ฟ้องขอเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาท เพราะนางทองได้ร่วมบุกเบิกที่ดินพิพาทกับนายบีจึงมีส่วนร่วม ครอบครองที่ดินพิพาทกึ่งหนึ่ง และมรดกของนายบียังไม่ได้แบ่งกัน ระหว่างทายาท จึงเป็นกรณีที่ยังโต้เถียงความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท กันอยู่ระหว่างโจทก์ร่วมกับนางทองมารดา นางบุญอิ่ม นางมาลี และจำเลยที่ ๒ ที่จำเลยทั้งสองเอารถไถนาเข้าไปไถที่ดินพิพาทก็ ปรากฏว่าเพราะนางทองมารดาโจทก์ร่วมให้จำเลยทั้งสองทำ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกา ที่ ๘๑๙/๒๕๑๔ ระหว่าง นายคำมา อินทะสร้อย โจทก์ นายยนต์ อ่อนจันทร์ กับพวกจำเลย
พิพากษายืน

Share