คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษจำคุกซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก คงรับฎีกาจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลจะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนได้หรือไม่เท่านั้น ปัญหาข้อกฎหมายนี้จำเลยฎีกาโดยประสงค์ให้ศาลฎีกาวินิจฉัยก่อน แล้ววินิจฉัยรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องห้ามฎีกาดังกล่าวแล้ว ทั้งการกักขังแทนโทษจำคุกเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493มาตรา 4, 5, 14, 17, 30, 31, 38 ทวิ, 40, 44 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271, 91 ขอให้ริบสุราปลอมและขวดของกลาง ส่วนรถยนต์และสุราแท้ขอให้คืนเจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสุราพ.ศ. 2493 มาตรา 4, 5, 14, 17, 30, 31, 38 ทวิ, 40, 44 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้ว ลงโทษจำเลยฐานขนสุราตามพระราชบัญญัติสุรามาตรา 38 ทวิ ปรับ 225 บาท ฐานนำสุราต่างประเทศออกแสดงเพื่อขายตามพระราชบัญญัติสุรา มาตรา 40 ปรับ 500 บาท ฐานทำน้ำสุราโดยมิได้รับอนุญาตออกแสดงเพื่อขายและขายสุราที่ทำขึ้นโดยหลอกลวงว่าเป็นสุราต่างประเทศ เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 จำคุก 3 เดือนฐานนำแสตมป์สุราใช้แล้วมาปิดสุราที่ทำขึ้นตามพระราชบัญญัติสุรา มาตรา 44 จำคุก1 เดือน รวมจำคุก 4 เดือน และปรับ 725 บาท เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนริบสุราปลอมและขวดที่มีไว้เพื่อบรรจุสุราที่จำเลยทำขึ้น ส่วนรถยนต์และสุราแท้ให้คืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การวินิจฉัยโทษจำคุกว่าจะเปลี่ยนโทษเป็นกักขังแทนได้หรือไม่ ต้องวินิจฉัยโทษจำคุกที่ศาลลงในแต่ละกระทงความผิด จะรวมโทษจำคุกทุกกระทงในคดีนั้นมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 3 เดือนศาลเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนได้ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลจะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังได้หรือไม่ เห็นว่าจำเลยฎีกาข้อกฎหมายดังกล่าวก็ด้วยประสงค์ที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยรอการลงโทษจำคุกนั้นให้จำเลย ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกและศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในส่วนนี้แล้ว ทั้งการกักขังแทนโทษจำคุกเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share