แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีนอกคำฟ้องคำให้การ โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 40 แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการ บอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 37)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์บวชเป็นสามเณรเพื่อเข้าพิธีในงานฌาปนกิจศพ นางหล้าวงศ์บาตรย่าของโจทก์ตามประเพณีนั้น ปรากฏตามใบมรณบัตรเอกสารหมาย จ.1 ว่า นางหล้าถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2535 การที่โจทก์บวชเป็นสามเณรจึงเป็น การบวชก่อนที่นางหล้าถึงแก่ความตาย 3 วัน ถือไม่ได้ว่าการบวชเป็นสามเณรของโจทก์เป็นการบวชเพื่อเข้าพิธีในงาน ฌาปนกิจศพนางหล้าตามที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 7-14 มีนาคม 2535 โดยไม่มีเหตุอันสมควร การที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์บวชเพื่อ ทดแทนบุญคุณตามประเพณีนิยมของชาวพุทธ ในอีสาน ถือได้ว่า โจทก์หยุดงานโดยมีเหตุอันสมควรตามกฎหมายนั้น จึงเป็นอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนข้อที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางหยิบยกข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาวินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางหยิบยกข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาวินิจฉัยแต่อย่างใดอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง