แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพและไม่สืบพยาน แต่พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนัก จึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในข้อหาร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายตามฟ้องได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง จำคุก 1 ปีและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรเปลี่ยนโทษจำเลยโดยส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จึงเป็นการแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 219 ประกอบพ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2534 มาตรา 6
ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสอง ต้องเป็นกรณีที่มีเครื่องกระสุนปืนเท่านั้น แต่เครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง ทั้งโจทก์ก็ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตาม มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง เมื่อฟังว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคสาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก ๑ คน อายุพ้นเกณฑ์เยาวชนร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนพกไม่ทราบชนิดและขนาด จำนวน ๑ กระบอก และมีกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดจำนวน ๑ นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยกับพวกร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรแล้วจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนนั้นยิงนายอิสะมะแอ มามุ จำนวน ๑ นัด กระสุนปืนถูกบริเวณศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายเป็นเหตุให้นายอิสะมะแอถึงแก่ความตายสมดังเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ ๑๕ ปีเศษ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๗๑, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ วรรคสอง, ๗๒ วรรคสาม และมาตรา๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ ๑๕ ปีเศษลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา ๗, ๗๒ วรรคสอง กับมาตรา ๗, ๗๒ วรรคสาม ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๐ ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา ๗, ๗๒ วรรคสอง อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควร ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสองกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา๘ ทวิ วรรคหนึ่ง ๗๒ ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก ๘ เดือน รวม๒ กระทง จำคุก ๒ ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๔ (๒) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา มีกำหนด ๑ ปี นับแต่วันควบคุม ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๘๙ (๔) อีกกระทงหนึ่งด้วย จำเลยอายุไม่เกิน ๑๗ ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ ประกอบด้วยมาตรา๕๒ (๒) คงจำคุก ๕๐ ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒๕ ปี รวมกับโทษในข้อหาอื่นตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุก ๒๖ ปี จำเลยกระทำความผิดในข้อหาร้ายแรง ไม่สมควรเปลี่ยนโทษจำเลยโดยส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่า จำเลยร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนัก ไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในข้อหาร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายตามฟ้องของโจทก์ได้
ส่วนที่จำเลยฎีกาข้อต่อไปขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่าความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษรวม ๒ กระทง จำคุก ๑ ปีและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา มีกำหนด ๑ ปี ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ เห็นไม่สมควรเปลี่ยนโทษจำเลยโดยส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลาจึงเป็นการแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย กรณีไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๓๔มาตรา ๖ ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเพียง ๑๕ ปีเศษ กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนปัจจุบันศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพวิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส ทั้งไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เป็นเหตุอันควรปรานี สมควรรอการลงโทษให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ด้วย
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๗๒ วรรคสองและวรรคสาม ให้ลงโทษตามมาตรา ๗๒วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดย่อมไม่ถูกต้อง เพราะความผิดตามมาตรา ๗๒วรรคสอง ต้องเป็นกรณีที่มีเครื่องกระสุนปืนเท่านั้น แต่คดีนี้ได้ความว่าเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง ทั้งโจทก์ก็ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตาม มาตรา ๗, ๗๒วรรคหนึ่ง เมื่อศาลล่างทั้งสอง ฟังว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม มาตรา ๗, ๗๒ วรรคสามเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ วรรคสาม และมาตรา ๘ ทวิวรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ ๑๕ ปีเศษลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น จำคุก ๑ ปี ๔ เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควรตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง กับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๘ เดือน รวมจำคุก ๒ ปีจำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๓ เดือนต่อครั้ง ภายในระยะเวลาดังกล่าวทั้งนี้ให้จำเลยแสดงหลักฐานการศึกษาต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้ง ห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุขทุกชนิด ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก.