คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4796/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยคิดถึงผู้ตายซึ่งเป็นบุตรจึงไปรับผู้ตายจาก อ. ภริยา ขณะที่จำเลยกับผู้ตายนอนเล่นอยู่ในห้องเกิดเหตุ จำเลยโกรธและเสียใจเรื่องที่ อ. ภริยาไปมีชายอื่นจึงได้คิดฆ่าตัวตายพร้อมผู้ตาย โดยนำยาฆ่าแมลงที่ซื้อเก็บไว้สำหรับใช้ฆ่าแมลงไม้ประดับที่ปลูกมาผสมนมให้ผู้ตายดื่มและจำเลยได้ดื่มด้วย แสดงว่าเหตุที่จำเลยคิดฆ่าตนเองและผู้ตายมาจากเหตุการณ์อันเนื่องจากปัญหาครอบครัว ซึ่งคิดขึ้นมาในขณะนั้นด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบที่จำเลยไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ จึงได้นำยาฆ่าแมลงที่มีอยู่แล้วในบ้านไปผสมนมให้ผู้ตายดื่ม กรณีจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเจตนาฆ่าเด็กหญิงนวพร ทองแก้ว โดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ตระเตรียมสารพิษคาร์บาเมทซึ่งเป็นสารพิษที่เป็นอันตรายต่อชีวิต แล้วจำเลยได้นำสารพิษคาร์บาเมทผสมนมให้เด็กหญิงนวพรดื่มเข้าสู่ร่างกาย โดยที่เด็กหญิงนวพรไม่อาจรู้ได้ว่านมดังกล่าวผสมสารพิษจึงดื่มเข้าสู่ร่างกายและถึงแก่ความตาย ภายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยสารพิษคาร์บาเมท ของกลางซึ่งหมดไปในการตรวจพิสูจน์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4)

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกตลอดชีวิต

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงรับฟังเป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เด็กหญิงนวพร ทองแก้ว บุตรของจำเลยได้ดื่มนมซึ่งมีส่วนผสมสารพิษคาร์บาเมทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพและไม่สืบพยาน ฉะนั้นจึงต้องอาศัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาเป็นข้อวินิจฉัยว่าพอเพียงที่จะฟังว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เมื่อได้พิจารณาพยานหลักฐานดังกล่าวแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏว่าสิ่งที่จำเลยไปจัดหาซื้อมาในวันเกิดเหตุมีเฉพาะนมสำหรับให้ผู้ตายดื่มซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ข้อเท็จจริงตรงนี้จึงยังไม่ได้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะฆ่าผู้ตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความในบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเอกสารหมาย จ.9 ที่พนักงานสอบสวนบันทึกไว้ตอนหนึ่งซึ่งระบุถึงเหตุการณ์ในขณะจำเลยไปรับผู้ตายมาในวันเกิดเหตุว่าจำเลยคิดถึงผู้ตายจึงไปรับมาและขณะที่นอนเล่นอยู่ในห้องที่เกิดเหตุจำเลยโกรธและเสียใจเรื่องที่นางอรุณีภริยาของจำเลยไปมีชายอื่นจึงได้คิดฆ่าตัวตายพร้อมผู้ตาย โดยนำยาฆ่าแมลงที่จำเลยซื้อเก็บไว้สำหรับใช้ฆ่าแมลงไม้ประดับที่ปลูกมาใช้กระทำความผิดดังกล่าว แสดงว่าเหตุที่จำเลยคิดฆ่าตนเองและผู้ตายมาจากเหตุการณ์อันเนื่องจากปัญหาในครอบครัวซึ่งคิดขึ้นมาในขณะนั้นด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบที่จำเลยไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ จึงได้นำยาฆ่าแมลงที่มีอยู่แล้วในบ้านไปผสมนมให้ผู้ตายดื่มดังนี้จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและวางโทษประหารชีวิตจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย สมควรกำหนดโทษจำเลยเสียใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ให้จำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 10 ปี

Share