แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้ประดู่แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 48, 73,74 และพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ดังนี้ ถือว่า เป็นฟ้องสมบูรณ์ไม่ต้องระบุว่าเป็นไม้แปรรูปประเภทหวงห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้ตะเคียนและไม้ประดู่แปรรูปรวมปริมาตรไม้ 14,083 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่า ไม้ของกลางเสียภาษีการแปรรูปไม้แล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยมีไม้ประดู่แปรรูปไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายพิพากษาปรับ 100 บาท ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 17 ริบไม้ประดู่ของกลาง คืนไม้ตะเคียนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าไม้แปรรูปที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นไม้ประเภทหวงห้ามตามมาตรา 50(4) พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 73, 74 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 สำหรับมาตรา 73, 74 เป็นบทลงโทษและริบของกลาง บทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษคือมาตรา 48 ส่วนมาตรา 50 เป็นบทยกเว้นโทษมีให้ใช้บังคับในกรณีที่ไม่ใช่ไม้หวงห้าม ฉะนั้นฟ้องของโจทก์มีรายละเอียดครบถ้วนตามมาตรา 158(5) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้ว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่