แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ตามสัญญาเช่าซื้อได้รวมค่าเช่ากับราคารถแทรกเตอร์ที่เช่าซื้อเข้าไว้ด้วยกัน การกำหนดราคาค่าเช่าซื้อดังกล่าวไม่มีกฎหมายห้ามไว้และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน แม้ราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ดังกล่าวโจทก์จะกำหนดโดยวิธีหักเงินชำระล่วงหน้าออกไปก่อน แล้วนำส่วนที่เหลือไปคิดดอกเบี้ย คำนวณเป็นดอกเบี้ยเท่าใด บวกเข้ากับเงินที่ค้างชำระ จากนั้นจึงกำหนดเป็นค่างวด ซึ่งเป็นวิธีการกำหนดราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ของโจทก์โดยชอบ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และไม่เป็นการขัดต่อ พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากตราโจทก์ที่ประทับใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ตรงกับที่ให้ไว้ต่อสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าซื้อให้แล้ว ๑๐ งวด โจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินความจริงและโจทก์เรียกดอกเบี้ยได้เพียงอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของจำเลยที่ ๑ จำนวน ๑๘๐,๐๐๐ บาท และผู้พิพากษาที่ได้ นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ในข้อเท็จจริง คงมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้และเป็นการ ขัดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยจำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า รถพิพาทซื้อขายกันในท้องตลาดราคา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์ให้จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อเป็นเงิน ๑,๔๒๒,๕๐๐ บาท คิดเป็นดอกเบี้ย ๔๒๒,๕๐๐ บาท เกินกว่า อัตราร้อยละ ๒๔ ต่อปี ขัดต่อกฎหมายนั้น เห็นว่า ราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ตามสัญญาเช่าซื้อนั้นได้รวมค่าเช่ากับราคารถแทรกเตอร์ที่เช่าซื้อเข้าไว้ด้วยกัน การกำหนดราคาค่าเช่าซื้อดังกล่าวไม่มีกฎหมายห้ามไว้และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แม้ราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ดังกล่าวโจทก์จะกำหนดโดยวิธีหักเงินชำระล่วงหน้าออกไปก่อน แล้วนำส่วนที่เหลือไปคิดดอกเบี้ย คำนวณเป็นดอกเบี้ยเท่าใด บวกเข้ากับเงินที่ค้างชำระ จากนั้นจึงกำหนดเป็นค่างวด ซึ่งเป็นวิธีการกำหนดราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ของโจทก์โดยชอบ มิใช่เป็นเรื่อง ที่โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้และไม่เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๕
พิพากษายืน .