แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขอถอนคำฟ้องคดีแพ่งเรื่องนี้ก่อนจำเลยยื่นคำให้การ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่ง ซึ่งมิได้บัญญัติห้ามไม่ให้ศาลให้อนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยก่อน ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความได้โดยไม่ต้องฟังจำเลยก่อนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
การที่ศาลจะทำการชี้สองสถานในคดีแพ่งได้ จะต้องมีคำฟ้องอันเป็นกระบวนพิจารณาที่โจทก์เสนอข้อหาต่อศาลและมีคำให้การอันเป็นกระบวนพิจารณา ซึ่งคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งยกขึ้นต่อสู้เป็นข้อแก้คำฟ้อง เพื่อนำคำฟ้องและคำให้การมาเทียบกันดูว่ามีข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง แต่คู่ความฝ่ายอื่นไม่รับ ก็จะได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทและจะได้กำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นข้อใดก่อนหลังกัน แต่โจทก์ถอนคำฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนจำเลยยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ ทั้งได้สั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเสียแล้ว ก็เท่ากับไม่มีโจทก์และคำฟ้องของโจทก์ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและข้อกล่าวหาอยู่ในศาลชั้นต้นอีกต่อไป ทำให้ไม่มีคำฟ้องจะนำมาเปรียบเทียบกับคำให้การเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทและไม่มีความจำเป็นที่จำเลยต้องให้การแก้ข้อกล่าวหาอีกต่อไป ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นตรวจสำนวนพบว่า มีการสั่งรับคำให้การและนัดชี้สองสถานไว้โดยผิดหลง อันเป็นข้อที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมหรือที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องการยื่นหรือการส่งคำคู่ความหรือการพิจารณาคดี ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่งการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่รับคำให้การและนัดชี้สองสถานและสั่งใหม่เป็นไม่รับคำให้การ และยกเลิกวันนัดชี้สองสถานจึงเป็นการสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดาวน์ที่โจทก์ผ่อนชำระให้จำเลยเป็นเงิน 1,225,000 บาท ค่าจ้างและค่าวัสดุในการเปลี่ยนแปลงสุขภัณฑ์และกระเบื้องเคลือบที่โจทก์ชำระเป็นเงิน 500,000 บาท กับค่าเสียหายที่โจทก์ต้องเช่าหอพักเป็นเงิน 2,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ หลังจากนั้นจำเลยยื่นคำให้การปฏิเสธฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ สำเนาให้โจทก์และนัดชี้สองสถานภายหลังศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับคำให้การและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำให้การและยกเลิกวันนัดชี้สองสถาน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันที่ 12 มิถุนายน 2538 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย วันที่ 14 มิถุนายน 2538 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ ต่อมาวันที่ 26 มิถุนายน 2538 จำเลยยื่นคำให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถอนฟ้องไปแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ สำเนาให้โจทก์และนัดชี้สองสถาน ครั้นวันที่ 6 กรกฎาคม 2538 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตรวจสำนวนพบว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2538 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2538 ต่อมาวันที่ 26 มิถุนายน 2538 จำเลยยื่นคำให้การ ศาลมีคำสั่งรับคำให้การและนัดชี้สองสถานโดยผิดหลง จึงให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำให้การจำเลยยกเลิกวันนัดชี้สองสถาน
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความโดยไม่รับฟังจำเลยก่อนชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 หรือไม่ เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงข้างต้นเป็นกรณีที่โจทก์ขอถอนฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่ง ซึ่งมิได้บัญญัติห้ามไม่ให้ศาลให้อนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยก่อนดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 175 วรรคสอง(1) ซึ่งเป็นกรณีที่โจทก์ขอถอนคำฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้น ศาลจะต้องฟังจำเลยก่อนจึงจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรได้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความได้โดยไม่ต้องฟังจำเลยก่อนจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่ง แล้ว
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ สำเนาให้โจทก์ นัดชี้สองสถานแล้วต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับให้การเป็นไม่รับคำให้การและงดชี้สองสถานเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 หรือไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 182 วรรคหนึ่ง บัญญัติเกี่ยวกับการชี้สองสถานไว้ว่า “เมื่อได้ยื่นคำฟ้อง คำให้การและคำให้การแก้ฟ้องแย้ง ถ้าหากมีแล้ว ให้ศาลทำการชี้สองสถานโดยแจ้งกำหนดวันชี้สองสถานให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ฯลฯ” และมาตรา 183 วรรคสอง บัญญัติว่า “ให้ศาลตรวจคำคู่ความ… แล้วนำข้ออ้างข้อเถียงที่ปรากฏในคำคู่ความ… เทียบกันดูและสอบถามคู่ความทุกฝ่ายถึงข้ออ้างข้อเถียง และพยานหลักฐานที่ยื่นต่อศาลว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้าง ข้อเถียงนั้นอย่างไร ข้อเท็จจริงใดที่คู่ความยอมรับกัน ก็เป็นอันยุติไปตามนั้น ส่วนข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง แต่คู่ความฝ่ายอื่นไม่รับและเกี่ยวเนื่องโดยตรง เห็นว่า ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 183 วรรคสอง การที่ศาลจะทำการชี้สองสถานได้ จะต้องมีคำฟ้องอันเป็นกระบวนพิจารณาที่โจทก์เสนอข้อหาต่อศาล และมีคำให้การอันเป็นกระบวนพิจารณาซึ่งคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งยกขึ้นต่อสู้เป็นข้อแก้คำฟ้อง เพื่อนำคำฟ้องและคำให้การมาเทียบกันดูว่า มีข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง แต่คู่ความฝ่ายอื่นไม่รับก็จะได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทและจะได้กำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นข้อใดก่อนหลังกัน แต่เมื่อเป็นกรณีที่โจทก์ถอนคำฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนจำเลยยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ ทั้งได้สั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเสียแล้ว ก็เท่ากับไม่มีโจทก์และคำฟ้องของโจทก์ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและข้อกล่าวหาอยู่ในศาลชั้นต้นอีกต่อไป ทำให้ไม่มีคำฟ้องจะนำมาเปรียบเทียบกับคำให้การเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาท และไม่มีความจำเป็นที่จำเลยต้องให้การแก้ข้อกล่าวหาอีกต่อไปเนื่องจากไม่มีข้อกล่าวหาแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นตรวจสำนวนพบว่า มีการสั่งรับคำให้การและนัดชี้สองสถานไว้ อันเป็นข้อที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมหรือที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องการยื่นหรือการส่งคำคู่ความหรือการพิจารณาคดี ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้ตามที่เห็นสมควรตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่รับคำให้การและนัดชี้สองสถานอันเป็นการสั่งโดยผิดหลงเป็นไม่รับคำให้การ และยกเลิกวันนัดชี้สองสถานจึงเป็นการสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน