คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลอื่นนำเครื่องมือปลอมเหรียญกษาปณ์ไปทำปลอมเหรียญกษาปณ์ที่บ้านจำเลย เพื่อให้จำเลยดูความสามารถนั้น จำเลยไม่ใช่ตัวการในการทำปลอม เพราะมิได้ร่วมในการทดลองทำด้วย แต่การที่จำเลยยอมให้ใช้สถานที่ ภาชนะเตาไฟของตนนั้นเป็นการให้ความสะดวกในการทำปลอมเหรียญกษาปณ์ จึงมีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือไปทำเหรียญกษาปณ์ปลอมที่บ้านจำเลย แต่ไม่เหมือนของจริงจึงฝากเครื่องมือไว้ วันรุ่งขึ้นจะมาทำลองทำให้ดูใหม่อีกเช่นนี้ ได้ชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือไว้เพื่อใช้ในการปลอมเหรียญกษาปณ์แล้ว ส่วนเปรียญกษาปณ์ที่จำเลยรับฝากไว้นั้นไม่เหมือนของจริง บุคคลอื่นจะมาทำให้ดูอีก จึงเป็นการรับไว้มิใช่เพื่อนำออกใช้
จำเลยสนับสนุนให้บุคคลอื่นทำปลอมเหรียญกษาปณ์และมีเครื่องมืออันเกี่ยวกับการทำปลอมเหรียญกษาปณ์นั้นไว้ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246, 240, 86 นั้น ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 240, 86 กระทงเดียวตามมาตรา 248
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2505)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามมีแบบพิมพ์ทำเหรียญกษาปณ์สำหรับปลอมเงินตราชนิดห้าสิบสตางค์ ซึ่งรัฐบาลออกใช้อยู่ในปัจจุบัน และได้ทำปลอมเงินตราดังกล่าวขึ้น เพื่อนำออกใช้ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐, ๒๔๔, ๒๔๖, ๘๓, ๙๑
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานทำปลอมเงินตรา มีเงินตราปลอมไว้เพื่อจำหน่ายและมีเครื่องมือสำหรับปลอมแปลง เงินตราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐, ๒๔๔, ๒๔๖, ๘๓ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แบบพิมพ์และอุปกรณ์ของกลางที่จับได้ที่บ้านจำเลยที่ ๑ นั้น เป็นของจำเลยที่ ๒ ๆ ได้เอาไปที่บ้านจำเลยที่ ๑ ก็เพื่อทำการหล่อเหรียญกษาปณ์ปลอมทดลองให้จำเลยที่ ๑ ดูความสามารถของจำเลยที่ ๒ ว่าจะทำปลอมได้สำเร็จหรือไม่ แล้วฝากไว้จะมาทดลองทำให้จำเลยที่ ๑ ดูอีก ดังนี้ จำเลยที่ ๑ มีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการทำเหรียญกษาปณ์ปลอม เพราะเป็นผู้ให้ความสะดวกในการทำปลอมเหรียญกษาปณ์ โดยยอมให้ใช้สถานที่ ภาชนะ เตาไฟของตน แต่ไม่ผิดฐานเป็นตัวการ เพราะจำเลยที่ ๑ มิได้ร่วมในการทดลอง เป็นแต่ฝ่ายดูความสามารถของจำเลยที่ ๒ ว่าจะทำปลอมได้จริงดังที่อวดอ้างหรือไม่เท่านั้น ส่วนความผิดฐานมีเครื่องมือเพื่อใช้ในการปลอมแปลงเงินตราและมีเหรียญกษาปณ์ที่รู้ว่าทำปลอมขึ้นเพื่อนำออกใช้นั้น การที่จำเลยที่ ๑ รับฝากเครื่องมือนี้ไว้ ได้ชื่อว่ามีเครื่องมือและเครื่องมือนี้จะใช้ปลอมเงินตราทดลองอีก จึงเป็นการมีเครื่องมือสำหรับปลอมเงินตราเพื่อใช้การปลอมแปลงแล้ว แต่การที่จำเลยที่ ๑ รับฝากเหรียญกษาปณ์ที่ทำปลอมขึ้นไว้ด้วย ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ทำแล้วไม่เหมือนของจริง จำเลยที่ ๒ จึงทดลองทำให้ดูอีก เมื่อเหรียญกษาปณ์ไม่เหมือนของจริง จำเลยที่ ๑ รับฝากไว้ก็มิใช่เพื่อนำออกใช้ จำเลยที่ ๑ จึงไม่มีผิดฐานนี้ด้วย คงมีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการปลอมเงินตรา และฐานมีเครื่องมือสำหรับปลอมแปลงเงินตรา ๒ กระทง
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๑ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐, ๘๖, ๒๔๖ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๔๐, ๘๖ กระทงเดียวตามมาตรา ๒๔๘ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ ปี ๘ เดือน เมื่อลดโทษเพราะรับสารภาพ ๑ ใน ๓ ตามที่ศาลชั้นต้นลดให้แล้ว คงเหลือโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๔ ปี ๕ เดือน ๑๐ วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share