คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4756/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยยังคงครอบครองสถานที่เช่าอยู่ทั้ง ๆ ที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงเนื่องจากโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงวันที่จำเลยออกจากสถานที่เช่าและส่งมอบคืนแก่โจทก์ แต่ค่าเสียหายส่วนที่โจทก์เรียกร้องเมื่อพ้นกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน ย่อมขาดอายุความตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคแรก เมื่อโจทก์ไม่อาจจัดให้ผู้ประมูลได้เข้าทำสัญญาเช่าที่พิพาทภายในเวลาที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากจำเลยยังไม่ส่งมอบสถานที่เช่าคืน ผู้ประมูลจึงบอกเลิกการประมูลและขอเงินประกันคืนทำให้โจทก์หมดสิทธิที่จะได้รับเงินค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าทรัพย์จำนวนดังกล่าวซึ่งนับว่าการกระทำละเมิดของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนนี้แก่โจทก์เป็นพิเศษแล้ว แต่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้แล้วในวันที่โจทก์คืนเงินประกันการประมูลไป เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่า 1 ปีนับแต่วันดังกล่าว ฟ้องโจทก์ส่วนนี้จึงขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากสถานที่ของโจทก์ภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ และส่งมอบสถานที่ดังกล่าวคืนโจทก์ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้ามาเกี่ยวข้องต่อไป และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 563,999 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่1 สิงหาคม 2527 ในอัตราเดือนละ 1,800 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีทุกเดือนจนกว่าจะส่งมอบสถานที่คืนให้โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขเพิ่มเติมคำให้กาย่า บริเวณสถานที่ภายในอาคารท่าอากาศยานเชียงใหม่ไม่ใช่ที่ราชพัสดุ และไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์จำเลยไม่เคยรับหนังสือบอกเลิกการเช่าตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้อง การมอบอำนาจเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง และเป็นเอกสารปลอมโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย เพราะจำเลยชำระค่าเช่าแก่กรมการบินพาณิชย์เรื่อยมา สัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับกรมการบินพาณิชย์ยังไม่ระงับค่าเสียหายที่โจทก์เรียกนั้นสูงเกินความเป็นจริง ส่วนค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษนั้นโจทก์เรียกจากจำเลยไม่ได้ เนื่องจากจำเลยไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดแก่โจทก์หากจำเลยส่งสถานที่เช่าคืนแก่ผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าชอบที่จะส่งสถานที่เช่าแก่ผู้ที่ประมูลได้และย่อมมีสิทธิจะได้รับเงินค่าประมูลจำนวน 509,999 บาท จากผู้ประมูลอยู่แล้วค่าเสียหายส่วนนี้สูงเกินไป ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,800 บาทมีกำหนด 1 ปี และค่าเสียหายเดือนละ 1,800 บาท นับแต่วันฟ้องจึงถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้เป็นยุติว่าจำเลยได้เช่าสถานที่ของโจทก์ภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ เนื้อที่ 18 ตารางวาเมตร ใช้เป็นที่ขายของที่ระลึก ระยะเวลาการเช่า 1 ปี ค่าเช่าเดือนละ 1,800 บาท เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยยังคงครอบครองสถานที่เช่า และชำระค่าเช่าต่อไปซึ่งถือเท่ากับโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาวันที่21 ธันวาคม 2524 โจทก์มีหนังสือแจ้งบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยขอให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่าคืนโจทก์ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525จำเลยทราบแล้ว ได้ยุติการชำระค่าเช่าตั้งแต่งวดเดือนกุมภาพันธ์ 2525เป็นต้นไป… แต่ขณะเดียวกันจำเลยก็เพิกเฉยไม่ยอมออกจากสถานที่เช่าและส่งมอบคืนโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย และในวันที่ 21 ธันวาคม 2524นั้นเอง โจทก์ได้ประกาศเปิดประมูลค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าสถานที่ดังกล่าวซึ่งครอบครองอยู่ ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2525นางสาวอารีย์ บูรณปกรณ์ เสนอให้ค่าธรรมเนียมสูงสุดเป็นเงิน509,999 บาท และเป็นผู้ประมูลได้ แต่โจทก์ไม่สามารถจัดให้นางสาวอารีย์เข้าใช้ประโยชน์และทำสัญญาเช่าได้เนื่องจากจำเลยยังคงครอบครองสถานที่เช่าอยู่โดยไม่ยอมส่งมอบคืนโจทก์ นางสาวอารีย์จึงบอกเลิกการประมูลต่อโจทก์ และขอเงินประกันการประมูลจำนวน10,000 บาท คืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของโจทก์รับทราบแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2525 ตามเอกสารหมาย ป.จ.26 ทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้เงินค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าทรัพย์จำนวน 509,999 บาทและต้องคืนเงินประกันการประมูลจำนวน 10,000 บาท ให้นางสาวอารีย์ไป โจทก์จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นคดีนี้เมื่อวันที่22 สิงหาคม 2527 แต่จำเลยก็ยังคงครอบครองสถานที่ดังกล่าวแล้วต่อมาจนกระทั่งวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 จึงได้ออกจากสถานที่เช่าที่ครอบครองอยู่และส่งคืนโจทก์ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว กรณีที่จำเลยยังคงครอบครองสถานที่เช่าอยู่ทั้ง ๆ ที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงแล้วเนื่องจากโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงวันที่จำเลยออกจากสถานที่เช่าและส่งมอบคืนแก่โจทก์ แต่ค่าเสียหายส่วนที่โจทก์เรียกรองเมื่อพ้นกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนย่อมขาดอายุความตามนับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก คดีนี้โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2525 ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ป.จ.5แสดงว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วในวันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527ดังนั้น สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 สิงหาคม2527 ดังนั้น สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนวันที่22 สิงหาคม 2526 จึงขาดอายุความแล้ว เพราะโจทก์ฟ้องเรียกจากจำเลยเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าเสียหายดังกล่าว ส่วนค่าเสียหายเนื่องจากโจทก์ขาดรายได้จากเงินประมูลค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าทรัพย์จำนวน 509,999 บาทนั้น โจทกืฟ้องให้จำเลยชดใช้ให้ในฐานเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิดเช่นเดียวกัน มิได้ตั้งรูปคดีฟ้องร้องในฐานะเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบสถานที่เช่าคืนในเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้ว จึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยเพียงว่า คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ขาดอายุความเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดหรือไม่ เท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ไม่อาจจัดให้นางสาวอารีย์ผู้ประมูลได้เข้าทำสัญญาเช่าที่พิพาทภายในเวลาที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากจำเลยยังไม่ส่งมอบสถานที่เช่าคืน ผู้ประมูลจึงบอกเลิกการประมูลและขอเงินประกันคืนและเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของโจทก์ก็ทราบแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม2526 ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้คืนเงินประกันการประมูลไป โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะได้รับเงินค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าทรัพย์จำนวนดังกล่าวในวันที่ 26 พฤษภาคม 2526 นั่นเอง นับว่าการกระทำละเมิดของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนนี้แก่โจทก์เป็นพิเศษแล้วและโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้แล้วในวันดังกล่าว การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 22สิงหาคม 2527 ดังกล่าวมาแล้วคำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงขาดอายุความเช่นเดียวกัน…”
พิพากษายืน.

Share