คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4728/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอนขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ขั้นต่อไปต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดี และจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 275 และ 278
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเคยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยขณะที่ยังเป็นใบจอง โดยได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา แต่ในขณะยึดที่ดินดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีจึงจ่ายเงินจากการขายทอดตลาดให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยขอออกโฉนดที่ดินแล้วและโจทก์มาขอนำยึดที่ดินดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้จะเกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาแต่ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ไว้แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดิม ของจำเลยได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน2529 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้จำนวน 27,958 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วโจทก์นำยึดที่ดินตามใบจองเลขที่ 70 ของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาด มีผู้ซื้อทรัพย์ได้ แต่ศาลชั้นต้นไม่สามารถจ่ายเงินให้โจทก์ได้ เพราะที่ดินตามใบจองอยู่ในบังคับห้ามโอนและไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

วันที่ 20 เมษายน 2542 โจทก์ยื่นคำขอว่า ประสงค์จะนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16441 (เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินตามใบจองเลขที่ 70)ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 แต่ปรากฏว่าสำนวนคดีนี้ได้ถูกปลดออกก่อนกำหนด คงเหลือคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชั้นบังคับคดีเท่านั้นดังนั้นเพื่อความสะดวกในการบังคับคดีจึงขอศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีใหม่อีกครั้ง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มิได้ร้องขอให้เริ่มดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด ให้ยกคำขอของโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 27มิถุนายน 2529 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้จำนวน 27,958 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามใบจองเลขที่ 70 ของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในบังคับห้ามโอนและไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงไม่อนุญาตให้โจทก์รับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด ต่อมาวันที่ 20 เมษายน 2542 โจทก์ประสงค์จะยึดที่ดินแปลงดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้จำเลยที่ 1 ได้นำมาออกโฉนดเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 16441 แต่ปรากฏว่าสำนวนถูกปลดออก คงเหลือแต่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์รับเงินจากการขายทอดตลาด

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินแปลงดังกล่าวของจำเลยที่ 1 หรือไม่ เนื่องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 บัญญัติว่า ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้บังคับคดี ให้ยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลเพื่อให้ออกหมายบังคับคดีตามมาตรา 276 เมื่อออกหมายบังคับคดีแล้ว ให้ศาลแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ เว้นแต่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้นำหมายไปให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีเอง และตามมาตรา 278 นับแต่วันที่ออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีอำนาจที่จะยึดหรืออายัด และยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ เมื่อพิเคราะห์บทกฎหมายดังกล่าวประกอบกันแล้ว เห็นว่าการร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ขั้นต่อไปต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีและจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามขั้นตอนดังกล่าวจะเห็นได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเคยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวขณะที่ยังเป็นใบจองเลขที่ 70 โดยได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา แต่ปรากฏว่าในขณะยึดครั้งนั้นที่ดินดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีจึงจ่ายเงินจากการขายทอดตลาดให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อโจทก์มาขอนำยึดที่ดินดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้จะเกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา แต่ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271ไว้แล้ว แต่เมื่อคดีนี้ปรากฏว่าสำนวนได้ถูกปลดออกคงเหลือหลักฐานแต่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในชั้นบังคับคดีเท่านั้น โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16441 ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดิมของจำเลยที่ 1 ได้

พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีโดยให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเฉพาะจากที่ดินโฉนดเลขที่ 16441 ของจำเลยที่ 1 เท่านั้น

Share