คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อน ก. เป็นผู้ร้องขอจัดการมรดกของ จ. จำเลยในคดีนี้เป็นผู้คัดค้าน ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่ จ. ทำขึ้นว่าเป็นพินัยกรรมปลอม แม้ทั้งสองคดีมีประเด็นอย่างเดียวกันว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่แต่โจทก์ในคดีนี้เป็นคนละคนกับผู้ร้องในคดีก่อน โจทก์จึงไม่ใช่คู่ความในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ (ข้อสังเกต ฎีกานี้วินิจฉัยแนวเดียวกันกับฎีกาที่ 3146/2533)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์สินให้แก่โจทก์กับพวกและ ก. ทั้งได้แต่งตั้งให้โจทก์กับพวกและ ก. เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ต่อมาจำเลยกับพวกได้ร่วมกันปลอมพินัยกรรมว่าเจ้ามรดกได้ยกทรัพย์สินให้แก่จำเลยเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม ก. ได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยได้ยื่นคำคัดค้านไว้ ขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมที่จำเลยกับพวกทำขึ้นเป็นพินัยกรรมปลอม ใช้บังคับไม่ได้ ให้เพิกถอนเสีย
จำเลยให้การสู้คดีและว่าในคดีที่ ก. ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทไม่เป็นพินัยกรรมปลอม ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้อนหรือฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ตามกฎหมายให้เพิกถอนเสีย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 8104/2529 ของศาลชั้นต้น เพราะคู่ความทั้งสองคดีเป็นคู่ความเดียวกันและประเด็นสำคัญที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทก็เป็นประเด็นเดียวกัน และคดีดังกล่าวศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมที่เจ้ามรดกทำขึ้นตามเจตนาของเจ้ามรดก มิใช่เอกสารปลอมตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2534 นั้น เห็นว่าคดีก่อนนายเกรียงวิศิษฎ์สรอรรถ เป็นผู้ร้องขอจัดการมรดก จำเลยในคดีนี้เป็นผู้คัดค้าน แม้คดีทั้งสองมีประเด็นวินิจฉัยเดียวกันว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ แต่โจทก์ในคดีนี้เป็นคนละคนกับผู้ร้องในคดีก่อน ฉะนั้นโจทก์คดีนี้จึงไม่ใช่คู่ความในคดีก่อนฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไปว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทไม่เป็นพินัยกรรมปลอม
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share