คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยในราคา 70,000 บาท กำหนดไถ่คืนใน 1 ปี ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโจทก์กับจำเลยตกลงกันว่า ถ้าที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว หากโจทก์ยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่จำเลย จำเลยยอมให้โจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวคืนในราคา 70,000 บาท โจทก์ได้ชำระดอกเบี้ยให้จำเลยแล้วแต่จำเลยไม่ยอมให้ซื้อที่ดินคืน ดังนี้ แม้จะจริงดังที่โจทก์อ้าง ข้อตกลงดังกล่าวก็เป็นโมฆะ เพราะเท่ากับเป็นการขยายไถ่ทรัพย์สิน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ขายที่ดินคืนแก่โจทก์ตามข้อตกลงนั้น
ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อศาลเห็นสมควรก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ขายฝากที่ดิน ๓ โฉนดไว้กับจำเลยในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ได้รับเงินไปจริง ๖๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๑๔,๔๐๐ บาท ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนจำเลยตกลงกับโจทก์ว่า หากโจทก์เสียดอกเบี้ยนั้นให้จำเลย จำเลยยอมให้โจทก์ซื้อคืนในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้ชำระดอกเบี้ยให้แก่จำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ซื้อที่ดินคืน ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่าได้รับซื้อฝากที่ดินไว้ตามฟ้อง ได้ชำระเงินให้โจทก์ ๗๐,๐๐๐ บาท ไม่เคยตกลงให้โจทก์เสียดอกเบี้ยหรือให้ไถ่ที่ดินคืน
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า ข้อตกลงให้ซื้อที่ดินคืนนั้นเท่ากับเป็นการขยายกำหนดวเลาไถ่ทรัพย์สินขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๙๖ เป็นโมฆะ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าโจทก์ทำสัญยาขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยมีกำหนดเวลาไถ่ ๑ ปี แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า ก่อนครบกำหนดวเลาไถ่ถอนโจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันว่าถ้าการขายฝากที่ดินทั้งสามแปลงหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว จำเลยยินยอมให้โจทก์ซื้อที่ดินทั้งสามแปลงคืนในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท หากโจทก์ยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่จำเลยก็ตาม ข้อตกลงที่ให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินที่ขายฝากคืนได้นี้ ย่อมมีผลเช่นเดียวกับให้โจทก์มีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากคืนได้แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ ๑ ปี ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาขายฝาก ซึ่งเท่ากับเป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สินต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๙๖ ข้อตกลงจึงเป็นโมฆะปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลเห็นสมควรก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินคืนตามข้อตกลงดังกล่าวได้ และเมื่อคดีพอวินิจฉัยได้ก็ไม่จำต้องสืบพยาน
พิพากษายืน.

Share