คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2532 และวันที่ 9 ตุลาคม 2533 ตามลำดับ โจทก์ทราบมาโดยตลอดว่า ผู้กระทำละเมิดในครั้งนี้คือจำเลย เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2540 จึงต้องถือว่าค่าเสียหายเกี่ยวกับที่ดินและแผงค้าตามฟ้องที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 24 เมษายน 2539 เกิน 1 ปี แล้วเป็นอันขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 448 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและสิ่งของออกไปจากบริเวณที่ดินและแผงค้าทั้งหมดในบริเวณตลาดสุขาภิบาลมีนบุรีของโจทก์ และส่งมอบที่ดินรวมทั้งแผงค้าดังกล่าวให้โจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย ให้ชำระค่าเสียหายสำหรับที่ดินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ตอปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าเสียหายอีกเดือนละ ๕๕๐ บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปและส่งมอบที่ดินให้โจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย ให้ชำระค่าเสียหายที่โจทก์ชำระเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของปี ๒๕๔๐ เป็นต้นไป เป็นเงินปีละ ๑,๐๕๐ บาท จนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปและส่งมอบที่ดินให้โจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย ให้ชำระค่าเสียหายสำหรับแผงค้าพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าเสียหายอีกวันละ ๒๑๖ บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปและส่งมอบแผงค้าทั้งหมดคืนโจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย
จำเลยให้การว่า… โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิด เมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่วันทำละเมิดแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน ๔๓,๑๗๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและค่าเสียหายอีกเดือนละ ๕๕๐ บาท นับตั้งแต่วันฟ้องถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๒ ชำระค่าเสียหายเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำนวน ๖,๓๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของปี ๒๕๔๐ เป็นต้นไปปีละ ๑,๐๕๐ บาท จนถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๒ ชำระเงินจำนวน ๒๙๔,๐๒๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและค่าเสียหายอีกวันละ ๒๑๖ บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๒
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายสำหรับที่ดิน ๖,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าเสียหายอีกเดือนละ ๕๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๒ ให้ชำระค่าเสียหายสำหรับแผงค้าจำนวน ๗๘,๘๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และค่าเสียหายอีกวันละ ๒๑๖ บาท นับแต่วันฟ้องถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๒ แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… คดีนี้โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องว่า การที่จำเลยไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและแผงค้าของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะไม่สามารถเข้าครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของโจทก์ได้ ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนี้จึงเป็นการที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิ้นปีนับแต่วันทำละเมิด” ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า ครบกำหนดเวลาที่จำเลยจะต้องขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและแผงค้าที่เช่าของโจทก์ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๓ ตามลำดับ แต่จำเลยก็เพิกเฉยไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินออกไป อันถือได้ว่า จำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์นับแต่วันดังกล่าว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยตลอดมา อีกทั้งโจทก์ก็ทราบดีมาโดยตลอดว่า ผู้ที่กระทำละเมิดในครั้งนี้ก็คือจำเลยซึ่งเป็นผู้พึงใช้ค่าสินไหมทดแทนอีกด้วย ดังนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๐ เช่นนี้ จึงต้องถือว่าค่าเสียหายเกี่ยวกับที่ดินและแผงค้าตามฟ้องที่เกิดก่อนวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๙ เกิน ๑ ปี แล้วเป็นอันขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

นางฐิตยาภา เจริญเหรียญ ผู้ช่วยฯ
นายพิชญ์พงศ์ จันทะศรี ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นางอัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share