แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีโดยไม่ได้อุทธรณ์ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาทตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2542 เจ้าพนักงานศาลจังหวัดนนทบุรีได้ส่งคำบังคับโดยการปิดคำบังคับ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ตามที่ปรากฏในทะเบียนราษฎรจึงเป็นการส่งโดยชอบ จำเลยที่ 2 ต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 13 กรกฎาคม2542 แต่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 จึงพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ส่วนข้ออ้างในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้เพราะจำเลยที่ 2 พักอาศัยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 194/28 และเพิ่งไปพบคำบังคับที่หน้าบ้านตามทะเบียนราษฎรเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2542 ไม่ใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 204,700 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างเหตุมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ แต่ได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาและคำสั่งของศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นควรวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่คัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์เสียก่อน เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีโดยมิได้อุทธรณ์ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี ดังนี้ อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาทตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และจำเลยที่ 2 ได้ชำระครบถ้วนแล้ว ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มขึ้นโดยคำนวณตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์จึงมิชอบ ฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่พ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2542 เจ้าพนักงานศาลจังหวัดนนทบุรีได้ส่งคำบังคับโดยการปิดคำบังคับ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ตามที่ปรากฏในทะเบียนราษฎรจึงเป็นการส่งโดยชอบ ดังนี้จำเลยที่ 2 ต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 13 กรกฎาคม2542 แต่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 จึงพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ส่วนข้ออ้างในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในทำนองว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เพราะจำเลยที่ 2 พักอาศัยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 194/28 ซอยมิตรพัฒนา ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และเพิ่งไปพบคำบังคับที่หน้าบ้านตามทะเบียนราษฎรเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2542 นั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เพียงพอแล้วที่ศาลจะวินิจฉัยได้ว่ามิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ โดยหาจำต้องไต่สวนอีกไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วนั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 4,918 บาทแก่จำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์