คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3422/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้น กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้ในบทมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์ให้ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นกรรมเดียวกัน ดังนี้ ความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองและฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83, 91, 221, 224, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4 (3) 55, 78 และริบตะปูรวม 9 รายการ ของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 221, 224 วรรคสอง, 297 (8), 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4 (3), 55, 78 วรรคหนึ่ง ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221, 224 วรรคสอง และมาตรา 297 (8) เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 224 วรรคสอง ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 5 ปี และลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ปรับคนละ 100 บาท และความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดสภาพใช้งานได้ จำคุกคนละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 7 ปี และปรับคนละ 100 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 50 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ริบตะปูรวม 9 รายการ ของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ขณะกระทำความผิดจำเลยทั้งสามอายุสิบแปดปีเศษ เห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุกคนละ 5 ปี และปรับคนละ 50 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 25 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 แก้ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 แก้ฎีกาว่า ขอให้ลงโทษสถานเบา รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษจำคุกนั้น เป็นการขอให้ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งต้องกระทำโดยยื่นเป็นคำฟ้องฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิใช่ขอมาในคำแก้ฎีกา และคดีนี้จำเลยทั้งสามไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกา จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองกับฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ นั้น กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้ในบทมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์ให้ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นกรรมเดียวกันและการที่จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำให้เกิดระเบิดโดยขว้างระเบิดใส่กลุ่มของพวกผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 5 รับอันตรายสาหัสก็เป็นการใช้วัตถุระเบิดตามบทกฎหมายดังกล่าวนั่นเอง ดังนี้ ความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองและฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share