แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์สมัครเข้าร่วมโครงการร่วมใจจาก และได้ทำหนังสือลาออกหลังจากได้รับอนุมัติจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้าง เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่จำเลยที่ 1 เสนอให้ตามโครงการดังกล่าว จึงเป็นการทำข้อตกลงให้โจทก์ลาออกมิใช่เลิกจ้างตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ทั้งแปดสิบแปดสำนวนฟ้องทำนองเดียวกัน และโจทก์ที่ ๑๒ แก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่จ่ายเงินบำเหน็จตอบแทนในส่วนที่ขาด สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ เงินโบนัส และค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่ละสำนวนให้แก่โจทก์ดังกล่าว
จำเลยทั้งสี่รวมแปดสิบแปดสำนวนให้การว่า โจทก์ทั้งแปดสิบแปดเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ โจทก์ทั้งแปดสิบแปดไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ รับผิดเป็นส่วนตัว เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๒ จำเลยที่ ๑ มีโครงการ “ร่วมใจจาก” ให้พนักงานลาออกก่อนเกษียณอายุ โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนไม่เกิน ๓๐ เท่าของเงินเดือน จำเลยที่ ๑ สงวนสิทธิที่จะให้พนักงานคนใดลาออกหรือไม่ก็ได้ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมากเป็นเหตุให้งบประมาณที่จัดเตรียมไว้ไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้แก่พนักงานทุกคนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ จำเลยที่ ๑ จึงแจ้งให้พนักงานที่มีสิทธิได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเกิน ๒๐ เดือน ทราบว่าจำเลยที่ ๑ มีความจำเป็นไม่อาจอนุมัติให้พนักงานดังกล่าวเข้าร่วมโครงการได้ หากพนักงานคนใดยังคงยืนยันที่จะขอเข้าร่วมโครงการ จำเลยที่ ๑ สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนได้สูงสุดไม่เกิน ๒๐ เท่าของเงินเดือน แต่ถ้าพนักงานคนใดไม่ประสงค์จะรับผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราใหม่พนักงานคนนั้นก็ยังมีสิทธิปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่เดิมต่อไป หลังจากโจทก์ทั้งแปดสิบแปดได้รับแจ้งผลการพิจารณาไม่อนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ โจทก์ทั้งแปดสิบแปดได้ยื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์ต่อจำเลยที่ ๑ ขอเข้าร่วมโครงการโดยขอรับสิทธิประโยชน์สูงสุดไม่เกิน ๒๐ เท่าของเงินเดือน และไม่ติดใจเรียกร้องใด ๆ อีก จำเลยที่ ๑ จึงอนุมัติให้โจทก์ทั้งแปดสิบแปดเข้าร่วมโครงการ “ร่วมใจจาก” ได้ ต่อมาโจทก์ทั้งแปดสิบแปดยื่นหนังสือลาออกและจำเลยที่ ๑ อนุมัติให้โจทก์ทุกคนลาออก โจทก์ทั้งแปดสิบแปดลาออกด้วยความสมัครใจ จำเลยทั้งสี่มิได้กลั่นแกล้งหรือบีบบังคับแต่อย่างใด จำเลยที่ ๑ จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามจำนวนที่ตกลงกันใหม่แก่โจทก์ทุกคนจนครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ ๑ มิได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดสิบแปด มิได้ปรับปรุงหน่วยงานอันเนื่องจากนำเทคโนโลยีมาใช้แทนแรงงาน โจทก์ทั้งแปดสิบแปดไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยพิเศษ และค่าเสียหายใด ๆ จากจำเลยทั้งสี่ สำหรับเงินโบนัสโจทก์ทั้งแปดสิบแปดทำงานไม่ครบกำหนดวันที่จำเลยที่๑ จ่ายเงินโบนัสประจำปี ๒๕๔๒ โดยโจทก์ทั้งแปดสิบแปดขอลาออกก่อนถึงวันดังกล่าว ทั้งตกลงว่าจะไม่เรียกร้องเงินใด ๆ อีก โจทก์ทั้งแปดสิบแปดจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินโบนัสหรือเงินอื่นใดจากจำเลยทั้งสี่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๘๔ และโจทก์ที่ ๘๖ ถึงที่ ๘๙
โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๘๔ และโจทก์ที่ ๘๖ ถึงที่ ๘๙ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า แม้จำเลยที่ ๑ จะเป็นผู้ริเริ่มเสนอโครงการร่วมใจจากต่อโจทก์ดังกล่าวก่อนก็ตาม แต่โครงการร่วมใจจากตามเอกสารหมาย จ.๑๗ หรือ ล.๑ ข้อวิธีการยื่นใบสมัคร กำหนดให้พนักงานที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการต้องยื่นใบสมัครต่อจำเลยที่ ๑ มิใช่จำเลยที่ ๑ เสนอคำขาดให้โจทก์ดังกล่าวต้องออกจากงานเช่นกรณีเลิกจ้างทั่ว ๆ ไป พนักงานของจำเลยที่ ๑ ที่ไม่สมัครร่วมโครงการก็ยังคงได้ทำงานต่อไป ดังนั้น การที่โจทก์ดังกล่าวสมัครเข้าโครงการร่วมใจจากและได้ทำหนังสือลาออกหลังจากได้รับอนุมัติจากจำเลยที่ ๑ แล้วเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่จำเลยที่ ๑ เสนอให้ตามโครงการดังกล่าวจึงเป็นการทำข้อตกลงให้โจทก์ดังกล่าวลาออก มิใช่มีลักษณะเป็นการเลิกจ้าง
พิพากษายืน.
นายชลิต จั่นประดับ ผู้ช่วยฯ/ย่อสั้น
นางสาวชลิตา ศรีสง่า ย่อยาว
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายไมตรี ศรีอรุณ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ