แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง นอกจากสำหรับความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษแม้ว่าสำหรับความผิดครั้งก่อนนั้นจะยังไม่ได้ต้องจำคุกครบตามกำหนดโทษจนพ้นโทษไปโดยได้หลบหนีไปเสียก่อนก็ตาม เมื่อผู้นั้นต้องคำพิพากษาให้จำคุกเพราะความผิดอาญาอันเป็นเหตุร้ายอีก ศาลอาจถือว่าผู้นั้นมีสันดานเป็นผู้ร้ายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพคดีได้ความว่าจำเลยได้ลักกางเกงของนายบุญเจือไป ก่อนคดีนี้เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วสองครั้งอันมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ ครั้งแรกฐานวิ่งราวทรัพย์จำเลยหลบหนีก่อนครบกำหนดโทษ ครั้งที่ 2 ฐานลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำคุก 1 ปี 6 เดือนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294 เพิ่มโทษตามมาตรา 72 เป็น 2 ปีลดตามมาตรา 59 เหลือ 1 ปี พ้นโทษแล้วส่งไปกักกัน 3 ปี ตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 9
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาสองครั้งแล้ว แม้ครั้งแรกจะปรากฏว่าจำเลยหลบหนีไปก่อนครบกำหนดโทษก็ตามเมื่อจำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุกเป็นครั้งที่ 3 ศาลล่างทั้งสองให้กักกันจำเลยจึงชอบแล้ว พิพากษายืน