แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หญิงเกิดในราชอาณาจักรไทยแต่บิดาเป็นคนต่างด้าว ได้ทำการสมรสกับคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฎว่า ก.ม.ของประเทศสามียอมให้หญิงนั้นเข้าถือเอาสัญชาติของสามีได้ หญิงนั้นย่อมยังเป็นคนสัญชาติไทยอยู่ แม้ว่าจะได้ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาแล้ว ก็เป็นการได้ใบสำคัญมาโดยมิชอบด้วย ก.ม.ไม่มีหน้าที่ต้องไปต่ออายุใบสำคัญนั้นอีก และแม้ถ้าจะถือว่าหญิงนั้นได้ขาดสัญชาติไทยไปตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2495 ม.16 ทวิ แล้วก็ตามหากหญิงนั้นจะมีผิดก็ย่อมจะเป็นผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 ม.8 ไม่มีผิด ฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคนไทยเกิดในราชอาณาจักรแต่บิดาเป็นคนสัญชาติจีน จำเลยสมรสกับคนสัญชาติจีน แล้วขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยประสงค์จะสละสัญชาติไทย จำเลยจึงขาดจากสัญชาติไทยแล้วใบสำคัญของจำเลยหมดอายุตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๘๑ ตลอดมา ขอให้ลงโทษฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
จำเลยต่อสู้ว่าบิดาเป็นคนไทย จำเลยยังเป็นคนไทยอยู่
ศาลชั้นต้นฟังว่าบิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติจีน จำเลยได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วย่อมขาดจากสัญชาติไทย พิพากษาปรับเพราะไม่ขอต่ออายุใบสำคัญปีสุดท้าย ๑ ปี ๑๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คงฟังว่าบิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติจีนแต่เห็นว่าจำเลยยังไม่เสียสัญชาติไทย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีหน้าที่นำสืบว่า ก.ม.ของประเทศสามีจำเลยยอมให้จำเลยเข้าถือเอาสัญชาติสามีได้ โจทก์ไม่สืบจึงต้องฟังว่าจำเลยยังเป็นคนไทยอยู่ ไม่มีหน้าที่ต้องไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หากได้รับมาก็เป็นการได้มาโดยมิชอบด้วย ก.ม. จำเลยไม่มีหน้าที่ต้องไปต่อทะเบียนอีก เมื่อมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๔๙๕ ม.๑๖ ทวิ ใช้บังคับแล้ว หากจำเลยจะต้องขาดสัญชาติไทยไปตามบทก.ม.มาตรานี้ ก็ต้องถือว่าขาดในวันให้บท ก.ม.มาตรานี้บังคับ แม้จำเลยจะมีผิดก็ย่อมเป็นผิดฐานไม่มีใบสำคัญตาม ม.๘ แห่ง พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๔๙๓ กล่าวคือจำเลยเพิ่งมีหน้าที่จะต้องขอใบสำคัญประจำตัว เป็นอีกกรณีหนึ่งต่างหาก ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน