แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซิน ข้อ 8 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และวรรคสองระบุว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันแล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร ส่วนสัญญาข้อ 9 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ยังคงยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาส่งให้แก่ผู้ซื้อต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนกว่าผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนครบถ้วน เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินทั้งหมดไม่ถูกต้องตามสัญญาซื้อขาย จึงเป็นเรื่องโจทก์ไม่ได้รับเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่ไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ส่งมอบสิ่งของตามสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญาและโจทก์ได้ยอมรับไว้โดยจะใช้สิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9แต่อย่างใด โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญา ข้อ 8วรรคสอง เท่านั้น หามีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 ไม่ แม้สัญญาซื้อขายจะได้กำหนดค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ไว้ก็ตาม แต่การที่โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากจำเลยผิดสัญญา โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง โจทก์แจ้งความซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินเพื่อใช้ในราชการในการจัดซื้อจะต้องตั้งงบประมาณและต้องได้รับอนุมัติจำนวนเงินที่จะจัดซื้อจากรัฐบาล ซึ่งพ่อค้าเช่นจำเลยย่อมจะต้องทราบ เมื่อจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้สามารถซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยได้ 10 เครื่องตามความต้องการของโจทก์ จำเลยย่อมคาดเห็นล่วงหน้าแล้วว่าถ้าจำเลยผิดสัญญาไม่อาจส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินให้แก่โจทก์ได้โจทก์จะต้องได้รับความเสียหาย เมื่อโจทก์ไม่สามารถจะซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่จะใช้ทำงานได้ตามความต้องการของโจทก์จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์จำนวน 10 เครื่อง ในราคา 480,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 24,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันให้โจทก์ตรวจสอบ โจทก์ตรวจสอบแล้วพบว่าเครื่องกลั่นน้ำมันดังกล่าวมีลักษณะไม่ตรงตามแบบที่ระบุไว้ในสัญญา จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 แก้ไขแต่จำเลยที่ 1 ที่ 2เพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา โจทก์จำเป็นต้องใช้เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจึงซื้อจากผู้อื่นได้เพียง 7 เครื่อง ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเบี้ยปรับเป็นรายวันและค่าเสียหายเป็นเงิน 283,680 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย โดยให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดจำนวน 24,000 บาท
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์ตามรูปแบบและรายการที่จำเลยที่ 1 เสนอต่อโจทก์ถูกต้องครบถ้วน โจทก์ไม่ยอมรับและบอกเลิกสัญญา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน170,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้โดยให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในจำนวนเงินไม่เกิน 24,000 บาท
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์แจ้งความประกวดราคาซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์จำนวน 10 เครื่อง ใช้ทดสอบตามวิธีของ เอ เอส ที เอ็ม ดี 86ตามแบบเครื่องมือของ เอ เอส ที เอ็ม อี 133 จำเลยที่ 1 ได้ยื่นซองเสนอราคาโจทก์พิจารณาแล้วตกลงซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์จากจำเลยที่ 1 จำนวน 10 เครื่อง เป็นเงิน 480,000 บาทได้ทำสัญญาซื้อขายกันและกำหนดส่งมอบเครื่องดังกล่าวภายในวันที่22 กรกฎาคม 2525 โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1ในวงเงินไม่เกิน 24,000 บาท ปรากฏตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมายจ.6 วันที่ 21 กรกฎาคม 2525 จำเลยที่ 1 ส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์ยี่ห้อเฮอซอกจำนวน 10 เครื่องแก่โจทก์ คณะกรรมกาตรวจรับของโจทก์ได้พิจารณาแล้วอ้างว่าเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวมีลักษณะไม่ตรงตามแบบเครื่องมือของ เอ เอสที เอ็ม อี 133 ที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขาย ไม่ยอมรับและได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 จัดการแก้ไข ต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1และได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบ แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 ได้
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ในปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากจำเลยทั้งสามเป็นรายวันหรือไม่ ข้อสัญญาที่เกี่ยวกับการเรียกร้องเบี้ยปรับระบุไว้ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.6 ข้อ 8 ว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาเป็นจำนวนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันที่บอกเลิกสัญญา ผู้ขายต้องยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย
ข้อ 9 ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2)ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ฯลฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาข้อ 8 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาโดยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน และผู้ซื้อได้บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ส่วนสัญญาข้อ 9 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ยังคงยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาส่งให้แก่ผู้ซื้อต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนกว่าผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนครบถ้วน กรณีที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมัเบนซินไม่ถูกต้องตามสัญญาซื้อขาย โจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 แก้ไขจำเลยที่ 1 ไม่จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา กรณีจึงเป็นเรื่องโจทก์ไม่ได้รับเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่ไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา และโจทก์ได้ยอมรับไว้โดยจะใช้สิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 แต่อย่างใด เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนด โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ 8 วรรคสอง เท่านั้น หามีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 ไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังขึ้น
ในปัญหาที่ว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามชำระราคาเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นจำนวน 7 เครื่อง ตามสัญญาข้อ 8 วรรคสอง แต่ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชำระราคาเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจำนวน 3 เครื่อง ที่โจทก์ไม่อาจซื้อได้ครบตามที่ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ 1 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้หรือไม่เพียงใด และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายดังกล่าให้โจทก์ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นหรือไม่ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.6 โจทก์ตกลงซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยที่ 1จำนวน 10 เครื่อง ราคา 480,000 บาท เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ตามสัญญาข้อ 8 วรรคสอง โจทก์มีสิทธิซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากผู้อื่นใด และจำเลยที่ 1 ต้องยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ เห็นว่าข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ โจทก์จะเรียกร้องเอาตามข้อสัญญาดังกล่าวก็ได้แต่การที่โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 222 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายหาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ จึงมีปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ เพียงใด คดีนี้โจทก์แจ้งความซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินเพื่อไปใช้ในราชการและในการจัดซื้อจะต้องตั้งงบประมาณและต้องได้รับอนุมัติจำนวนเงินที่จะจัดซื้อจากรัฐบาลซึ่งพ่อค้าเช่นจำเลยที่ 1 ย่อมจะต้องทราบเมื่อจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้สามารถซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยที่ 1 ได้ 10เครื่องตามความต้องการของโจทก์ จำเลยที่ 1 ย่อมคาดเห็นล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่อาจส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินให้แก่โจทก์ได้ โจทก์จะต้องได้รับความเสียหายจากการไม่ได้ใช้เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซิน และโจทก์จะต้องใช้เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจำนวน 10 เครื่อง เพื่อประโยชน์แก่ราชการและประชาชนนอกจากนี้จำเลยที่ 1 ก็น่าจะทราบอีกว่าโจทก์ไม่สามารถซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินได้ครบ 10 เครื่อง จากบุคคลอื่นเว้นแต่จะซื้อจากจำเลยที่ 1 เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ใช้เงินงบประมาที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามที่ตกลงทำสัญญาซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยที่ 1 ซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากผู้อื่นได้เพียง7 เครื่อง ถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินชนิดและยี่ห้อเดียวกับที่จำเลยที่ 1 ตกลงขายให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์ไม่สามารถจะซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินชนิดและยี่ห้อดังกล่าวได้เนื่องจากไม่มีประสิทธิภาพที่จะใช้ทำงานได้ตามความต้องการของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้มาเป็นเงิน 140,000 บาท โดยคิดราคาที่โจทก์ซื้อสูงไปจากราคาที่จำเลยที่ 1 ตกลงขายแก่โจทก์ จึงเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 140,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.