แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญาผู้เยาว์ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมโดยลำพัง ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตแล้ว ต่อมาคดีขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ฎีกาศาลอุทธรณ์ฎีกาจะยกฟ้องหรือไม่รับวินิจฉัยฟ้องของผู้เยาว์เสียทีเดียวยังไม่ได้ ต้องสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องเรื่องความสามารถเสียก่อน แต่อย่างไรก็ดีหากศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นว่าแม้จะได้ให้แก้ไขเรื่องความสามารถให้สมบูรณ์แล้วก็ดี แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้วนั้นไม่อาจมีทางที่ศาลจะแก้ไขให้เป็นไปตามอุทธรณ์ฎีกาของผู้เยาว์ได้แล้วศาลอุทธรณ์ฎีกาจะพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ฎีกาของผู้เยาว์เสียเลยก็ได้
ย่อยาว
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอายุ 17 ปี ได้สมคบกับพวกใช้กำลังกายฉุดคร่าหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เกี้ยว แซ่ลี้ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่า น.ส.เกี้ยว กับจำเลยรักใคร่ได้นัดหนีไปด้วยกัน
น.ส.เกี้ยวอายุ 17 ปีได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมโดยถือเอาฟ้องของอัยการเป็นฟ้องของตน แต่ขอแก้ว่าจำเลยมีอายุ 24 ปี
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยได้ฉุดคร่า น.ส.เกี้ยวจริง แต่ฟังว่าน.ส.เกี้ยวกลับใจรักใคร่จำเลยไม่ได้ข่มขืน และฟังว่าจำเลยอายุ 17 ปีจึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และมาตรา 58 ซึ่งแก้ไขแล้วจำคุกจำเลย 4 เดือน
โจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า น.ส.เกี้ยวเป็นผู้เยาว์จะฟ้องความเองไม่ได้ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมไม่ชอบ ฉะนั้น น.ส.เกี้ยวจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนข้อเท็จจริงเรื่องข่มขืนศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้ข่มขืน น.ส.เกี้ยวดังโจทก์ฟ้องพิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 243 อีก กระทงหนึ่ง ลดโทษตาม มาตรา 58 แล้วคงจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน
น.ส.เกี้ยวโจทก์ร่วม และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า น.ส.เกี้ยวเป็นผู้เยาว์จะเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมโดยลำพังไม่ได้ แต่จะยกฟ้องหรือไม่รับพิจารณาเสียทีเดียวก็ไม่ได้ ต้องสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเสียก่อนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6, 15 (อ้างฎีกาที่ 1190/2495) แต่คดีนี้ น.ส.เกี้ยวคงฎีกาแต่เฉพาะว่าจำเลยมีอายุ 24 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าถึงหากจะแก้ไขฟ้อง น.ส.เกี้ยวให้สมบูรณ์แต่หลักฐานที่นำสืบมาแล้วนั้นไม่พอฟังว่าจำเลยไม่ได้มีอายุ 17 ปีไม่มีทางทำให้การวินิจฉัยฎีกา น.ส.เกี้ยวเปลี่ยนแปลงไปได้ ฎีกา น.ส.เกี้ยวคงฟังไม่ขึ้นอยู่นั่นเอง ส่วนข้อเท็จจริงประการอื่นเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์ร่วมและจำเลย