คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อสร้อยเพชรและแหวนเพชร เป็นเงิน 86,181 บาท จำเลยให้การว่าการรับซื้อแหวนเพชรเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ ว. และหนี้ตามฟ้อง สามีโจทก์และโจทก์เรียกเก็บไปจากจำเลยแล้วโดยจำเลยชำระเป็นเช็คของผู้อื่นรวม 3 ฉบับ เป็นเงิน 126,000 บาท จึงฟ้องแย้งให้โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระเกินไป 102,443 บาทฟ้องแย้งดังกล่าวจึงเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จำเลยไม่มีสิทธิฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสร้อยเพชรและแหวนเพชรไปจากโจทก์รวมเป็นเงิน ๘๖,๑๘๑ บาท โดยตกลงชำระหนี้ตามหลักฐานท้ายฟ้อง จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงิน ๘๖,๑๘๑ บาท พร้อมด้วยค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเอกสารท้ายฟ้องเป็นนิติกรรมอำพรางการรับแหวนราคา ๕๒,๖๒๔ บาทที่จำเลยเซ็นรับรองแทนนางสาววัชรีโดยนางสาววัชรีรับมอบกับโจทก์โดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย สามีโจทก์และโจทก์เคยขอเก็บเงินค่าของที่โจทก์ฟ้องทั้งหมดจากจำเลย โดยโจทก์อ้างว่ามีของอีกหลายอย่าง จำเลยชำระเป็นเช็คของบุคคลภายนอกจำนวน ๓ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๑๒๖,๐๐๐ บาท เช็คเงินสด ๓๖,๐๐๐ บาท โจทก์เรียกเก็บเงินได้ ส่วนอีก ๒ ฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องกับผู้สั่งจ่ายและได้รับเงินครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ จำเลยเพิ่งทราบว่าเงินตามเช็ค ๒ ฉบับ จำเลยชำระให้โจทก์เกินไปจากที่โจทก์เรียกร้องเป็นเงิน ๑๐๒,๔๔๓ บาท จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับให้โจทก์ชำระเงินดังกล่าวแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นสั่งว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับ คืนค่าขึ้นศาลฟ้องแย้งทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งขอให้รับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยชำระหนี้ค่าซื้อสร้อยเพชรและแหวนเพชร ๘๖,๑๘๑ บาท จำเลยให้การว่าการรับ (ซื้อ) แหวนเพชรเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับนางสาววัชรีและยังกล่าวอ้างว่าหนี้ตามฟ้องสามีโจทก์และโจทก์เรียกเก็บเงินไปจากจำเลยหมดแล้ว โดยจำเลยชำระเป็นเช็คของผู้อื่นรวม ๓ ฉบับ เป็นเงิน๑๒๖,๐๐๐ บาท เพราะโจทก์อ้างว่านอกจากของตามฟ้องแล้วยังมีของอื่นอีกซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยเพิ่งทราบจึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระเกินไป ๑๐๒,๔๔๓ บาท จะเห็นว่าตามฟ้องแย้งจำเลย ขอให้โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระให้สามีโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยไม่ได้ซื้อของโจทก์ ดังที่โจทก์และสามีกล่าวอ้างซึ่งเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรค ๓ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share