คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าได้รับสินเชื่อในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศตามสัญญาคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทจากโจทก์เป็นวงเงินสูงถึง 850,000,000 บาท จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันและนำหลักทรัพย์มาจำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 คนละหลายร้อยล้านบาท เงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามีจำนวนรวมกัน 400,000 บาทเศษ จึงถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับจำเลยทั้งสาม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้จำเลยทั้งสามประมาณ 20 วัน นับว่าเป็นระยะเวลาที่เพียงพอแล้ว การอ้างเหตุว่าจำเลยทั้งสามไม่มีเงินชำระค่าธรรมเนียม เพราะไม่สามารถหาเงินค่าธรรมเนียมได้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายยังไม่ถือเป็นเหตุจำเป็น ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 37
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่า เมื่อจำเลยทั้งสามวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ศาลต้องสั่งรับเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไว้ และหากศาลไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่เหลือ ศาลต้องกำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งสามวางเงินค่าธรรมเนียมเสียก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสามปฏิบัติตามคำสั่งศาล การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม จึงเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 234 เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้จำนวน 394,443,554.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระ ให้นำทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 4 สิงหาคม 2549 ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ขยายและยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาออกไปอีก 30 วัน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า เพื่อให้โอกาสจำเลยในการต่อสู้คดี อนุญาตให้ขยายระยะเวลาจนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2549 และไม่ขยายระยะเวลาเพิ่มเติมให้อีก วันที่ 25 สิงหาคม 2549 จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จำนวน 200,000 บาท และขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไปอีก 30 วัน เนื่องจากประสบปัญหาทางการเงิน
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า เนื่องจากเคยมีคำสั่งไว้แล้วว่าไม่ขยายระยะเวลาเพิ่มเติมให้อีก เมื่อจำเลยทั้งสามไม่อาจวางเงินได้ครบถ้วนภายในกำหนด จึงไม่รับค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จำนวน 200,000 บาท แจ้งให้จำเลยทั้งสามมารับคืนไป ส่วนที่จำเลยทั้งสามขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ ซึ่งเป็นเงินจำนวน 210,940 บาท นั้น ไม่มีเหตุจะขยายระยะเวลาให้อีก จึงให้ยกคำร้อง และสั่งให้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามว่า เนื่องจากจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่กำหนด จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ในข้อแรกว่า คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่ชอบด้วยเหตุผล เพราะจำเลยทั้งสามตั้งใจอุทธรณ์คำพิพากษาแต่ติดขัดเรื่องการเงิน พยายามขวนขวายหาเงินมาได้เพียง 200,000 บาท ศาลน่าจะรับเงินดังกล่าวไว้และอนุญาตขยายระยะเวลาวางเงินส่วนที่เหลือนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้า ได้รับสินเชื่อในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศตามสัญญาคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทจากโจทก์เป็นวงเงินสูงถึง 850,000,000 บาท แสดงว่าธุรกิจการค้าของจำเลยที่ 1 ค่อนข้างใหญ่โต จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันและนำหลักทรัพย์มาจำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 คนละหลายร้อยล้านบาท ดังนั้นเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามีจำนวนรวมกัน 400,000 บาทเศษ จึงถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับจำเลยทั้งสาม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้จำเลยทั้งสามประมาณ 20 วัน นับว่าเป็นระยะเวลาที่เพียงพอแล้ว การอ้างเหตุว่าจำเลยทั้งสามไม่มีเงินชำระค่าธรรมเนียม เพราะไม่สามารถหาเงินค่าธรรมเนียมได้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายยังไม่ถือเป็นเหตุจำเป็น ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 37 คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่า เมื่อจำเลยทั้งสามวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ศาลต้องสั่งรับเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จำนวน 200,000 บาทไว้ และหากศาลไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่เหลือ ศาลจึงต้องกำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งสามวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวเสียก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสามปฏิบัติตามคำสั่งศาล การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม จึงเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share