แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 10 ของภาษีที่ประเมินเป็นเงิน 14,782.50 บาท รวมเป็นค่าภาษีโรงเรือน ส่วนที่พิพาทเป็นเงิน 162,607.50 บาท โจทก์ได้ชำระภาษีโรงเรือนและเงินเพิ่มส่วนที่พิพาทกันไว้แล้วเป็นเงิน 191,250 บาท จำเลยที่ 1 จะต้องคืนส่วนที่เรียกเก็บเกินไปจำนวน 28,642.50 บาท ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสามเดือนโดยไม่คิดค่าอย่างใดตามที่บัญญ้ติไว้ในมาตรา 39 วรรคสองแห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ ถ้าจำเลยไม่คืนหลังจากนั้นก็ตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้พิพากษาว่าใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2527 และใบแจ้งคำชี้ขาด ลงวันที่23 กันยายน 2528 ของจำเลยไม่ถูกต้อง ให้จำเลยคืนเงินภาษีโรงเรือนและที่ดินและเงินเพิ่มที่เรียกเก็บจากโจทก์เกินไปจำนวน 103,070 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ยื่นแบบรายการภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี พ.ศ. 2527 จำเลยที่ 3 ตรวจสอบแล้วจึงคำนวณค่ารายปีใหม่โดยอาศัยหลักเกณฑ์การคำนวณค่ารายปีสำหรับโรงแรมชั้นหนึ่งเท่ากับ ค่าเช่า คูณจำนวนห้อง คูณ 219 คูณ 15 ส่วน 100มีการหักค่าใช้จ่ายให้ 85 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากราคาเช่าพักหลักเกณฑ์ดังกล่าวจึงถูกต้องและเป็นธรรมแล้ว เมื่อรวมทุกรายการแล้วจะเป็นค่ารายปี 1,611,600 บาท ค่าภาษี 201,450 บาท เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าภาษีตามกำหนดจึงต้องเสียเงินเพิ่ม 10 เปอร์เซ็นต์ของภาษีที่ประเมิน หนังสือท้ายฟ้องหมาย 8 นั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้แจ้งว่าจะใช้สูตรในการจัดเก็บภาษีโรงเรือนขึ้นใหม่ตามที่โจทก์อ้างเพราะเป็นเพียงความเห็น ยังไม่ยุติ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนรายการประเมินตามใบแจ้งการประเมินฉบับลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2527 ของจำเลยที่ 3 เฉพาะรายการลำดับแรกและคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ตามใบแจ้งคำชี้ขาด ลงวันที่ 23 กันยายน2528 เฉพาะที่เกี่ยวกับการประเมินรายการแรกเสีย ให้จำเลยที่ 1คืนเงินค่าภาษีและเงินเพิ่มที่เก็บเกินไปแก่โจทก์ 101,970 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กันยายน2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…เมื่อฟังว่าค่ารายปีเป็นเงิน 1,182,600บาท แล้วค่าภาษีโรงเรือนร้อยละสิบสองกึ่งจึงเป็นค่าภาษี 147,825 บาทโจทก์จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 10 ของภาษีที่ประเมินเป็นเงิน14,782.50 บาท รวมเป็นค่าภาษีโรงเรือนส่วนที่พิพาทเป็นเงิน162,607.50 บาท โจทก์ได้ชำระภาษีโรงเรือนและเงินเพิ่มส่วนที่พิพาทกันไว้แล้วเป็นเงิน 191,250 บาท จำเลยที่ 1 จะต้องคืนส่วนที่เรียกเก็บเกินไปจำนวน 28,642.50 บาท ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสามเดือนโดยไม่คิดค่าอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 ถ้าจำเลยไม่คืนหลังจากนั้นก็ตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินจำนวน 28,642.50 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันพ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วันฟังคำพิพากษานี้จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.