แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายอายุ ๑๖ ปี ไปเดินเที่ยวเมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้าน จำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับ แต่พาผู้เสียหายไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อให้ พ. ร่วมประเวณี เป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า ๑๕ ปีไปเพื่อการอนาจาร.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๒๗๖, ๒๗๘, ๓๑๘
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคแรก จำคุกคนละ ๕ ปี และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ วรรคสาม จำคุกคนละ ๔ ปี รวมจำคุกคนละ ๙ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองช่วยกันจับมือผู้เสียหาย ไว้ให้นายพรศักดิ์ ข่มขืนกระทำชำเรา และเป็นตัวการกระทำความผิด ฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายร่วมกับนายพรศักดิ์ ด้วย และวินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมายว่า สำหรับข้อหาพรากผู้เยาว์นั้นได้ความจากนางสุคนธ์ ว่าตอนแรกได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายไปเดินเที่ยว เห็นว่านางสุคนธ์ อนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาไปเดินเที่ยวเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้านจำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับ แต่พา ผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองทำไป ตามลำพังจะถือว่านางสุคนธ์ รู้เห็นยินยอมไม่ได้ จำเลยทั้งสองมี เจตนาพาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุเพื่อให้นายพรศักดิ์ ร่วมประเวณี การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า ๑๕ ปี ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ วรรคสาม
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.