แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีกัญชาจำนวน 1 ถุงหนัก 3,350 กรัมไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำเลยได้ขายกัญชาจำนวนดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ ดังนั้นกัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นกัญชาจำนวนเดียวกับกัญชาที่จำเลยขายให้แก่สายลับและเมื่อขายไปแล้วก็ไม่มีกัญชาเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๒๖, ๗๕, ๗๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑ ริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องเข้ามาใหม่
ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๒๖, ๗๕, ๗๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓, ๙๑ ลงโทษฐานมีกัญชาไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๒ ปี ฐานจำหน่ายกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก ๒ ปี รวมจำคุก ๔ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘คงจำคุก ๒ ปี ของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามบทหนักเพียงบทเดียวแต่ความผิดทั้งสองฐานมีอัตราโทษเท่ากัน จึงเลือกลงบทใดก็ได้และพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงจึงไม่สมควรรอการลงโทษ พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๕ บทเดียว จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามศาลชั้นต้นแล้วคงจำคุก ๑ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ ตามที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หรือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องและจำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ มีกัญชาจำนวน ๑ ถุง หนัก ๓,๓๕๐ กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยที่ ๑ ได้ขายกัญชาจำนวน ๑ ถุงหนัก ๓,๓๕๐ กรัมให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ ๑ ได้ขายกัญชาที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายทั้งหมดให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ ดังนั้นกัญชาที่จำเลยที่ ๑ มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นกัญชาจำนวนเดียวกับกัญชาที่จำเลยที่ ๑ ขายให้แก่สายลับและเมื่อขายไปแล้วก็ไม่มีกัญชาเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยที่ ๑ อีก การกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
พิพากษายืน