คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจะมีความหมายเป็นการหมิ่นประมาทผู้ที่เป็นเจ้าพนักงานถ้าเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในการสรรเสริญและติเตียนบุคคล ตามอาญา ม.283(3) แล้วจำเลยไม่ต้องรับโทษฐานหมิ่นประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจกล่าวคำหมิ่นประมาท+มนูญนายอำเภอซึ่งได้ออกคำสั่งเกณฑ์ราษฎรไปขุดดินถมถนนโดยหน้าที่ราชการและชอบด้วย ก.ม. ต่อหน้าเสมียนพนักงานอำเภอว่า “การที่นายอำเภอและกรมการอำเภอดำเนินงานนี้ก็เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตัว ไม่มองเห็นความเดือดร้อนของราษฎร” และว่า “แม้แต่รัฐมนตรีก็ยังโกง” ขอให้ลงโทษตามอาญา ม.๑๑๖
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นลงโทษตามอาญา ม.๑๑๖
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นการกล่าวติวิธีการของนายมนูญที่เกณฑ์เอาคนไปทำถนน โดยจำเลยไม่เห็นด้วยและกล่าวด้วยความสุจริตของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฎีกาแต่ฉะเพาะข้อกฎหมายไม่ได้คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า แม้ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจะมีความหมายเป็นการหมิ่นประมาทนายมนูญได้ ศาลฎีกาก็เห็นว่า กฎหมายให้สิทธิจำเลยที่จะกล่าวได้โยไม่ต้องรับโทษฐานหมิ่นประมาทเพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในการกล่าวสรรเสริญและติเตียนบุคคลตามอาญา ม.๒๘๓ (๓) พิพากษายืน

Share