คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มีตัวผู้รับมอบอำนาจมาสืบประกอบสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทโจทก์ โดยนายทะเบียนบริษัทเมืองฮ่องกงและมีโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงรับรองสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าวและมีหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ ป. ดำเนินคดีแทน โดยมีคำรับรองของโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงและกงสุลแห่งประเทศไทยว่าจ. และ อ. กรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือมอบอำนาจและเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ จ. และ อ.จึงเชื่อได้ว่าบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ป. ดำเนินคดีนี้จริงหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 47

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนตามกฎหมายของเมืองฮ่องกง มีนายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชาน ลงลายมือชื่อและประทับตราของโจทก์ทำการแทนโจทก์ได้โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายอจาย์ คูมาร์ ปาวา ดำเนินคดีนี้จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ลงโฆษณาเกี่ยวกับกิจการโรงแรมบางกอกพาเลซ โจทก์ได้ลงโฆษณาให้เรียบร้อยแล้ว จำเลยคงค้างชำระค่าจ้างรวม 22,649.40 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 100,912 บาทนับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2526 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 29,920.40 บาทและจากต้นเงินจำนวน 125,582.40 บาท นับแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2527ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 16,953.57 บาท ให้แก่โจทก์ และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 226,494.40 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยให้การว่า โจทก์ได้เปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ไปแล้วในขณะมอบอำนาจแก่ผู้ฟ้องคดี จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ทำการโฆษณาตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 28,832 เหรียญฮ่องกง(อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญต่อ 3.50 บาท) และชำระเงินจำนวน4,590 เหรียญสหรัฐอเมริกา (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญต่อ 23 บาท)พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด จำเลยฎีกาว่านายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชาน กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่ามีการมอบอำนาจกันจริงทั้งลายมือชื่อผู้มอบอำนาจจะเป็นลายมือชื่อแท้จริงหรือไม่โจทก์ไม่มีพยานมาสืบการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์มีนายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ผู้รับมอบอำนาจมาเบิกความประกอบเอกสารหมาย จ.1, จ.2 ว่า นายจอน ไมเคิล ไบรอันท์และนายเอ็ดมันด์ ชาน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนโจทก์แต่ต้องประทับตราของโจทก์ และพยานได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ดำเนินคดีนี้ หนังสือรับรองทำที่เมืองฮ่องกง ผู้มอบอำนาจแทนโจทก์มีอำนาจโดยชอบ เห็นว่าเอกสารหมาย จ.1 พร้อมคำแปลเป็นสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทโจทก์โดยนายทะเบียนบริษัทเมืองฮ่องกงและมีโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงรับรองสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าว เอกสารหมาย จ.2 พร้อมคำแปลเป็นหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้นายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ดำเนินคดีแทน โดยมีคำรับรองของโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกง และกงสุลแห่งประเทศไทยว่านายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชาน กรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือมอบอำนาจฉบับลงวันที่22 มิถุนายน 2527 และเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของนายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชาน จึงเชื่อได้ว่าบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ดำเนินคดีนี้จริงหนังสือมอบอำนาจชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 47 แม้โจทก์มีเฉพาะตัวผู้รับมอบอำนาจมาสืบก็เพียงพอแล้วจำเลยมิได้นำสืบหักล้างในข้อนี้ คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้
จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำการโฆษณาโรงแรมจำเลย ผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยคือนายสุวิทย์ จันทรประเสริฐ ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยเท่านั้นสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 และ จ.13 ไม่ผูกพันจำเลยนายเมธีผู้ลงนามทำสัญญากับโจทก์ไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลย จำเลยไม่เคยมอบอำนาจให้นายเมธีไปทำสัญญากับโจทก์และจำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามจากโจทก์ โจทก์มีนายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ผู้รับมอบอำนาจมาเบิกความว่า จำเลยโดยนายเมธีผู้จัดการทั่วไปของจำเลยเป็นผู้ลงนามในสัญญาเป็นผู้ว่าจ้างตามเอกสารหมาย จ.4, จ.13 โจทก์ได้ลงโฆษณาให้แล้ว จำเลยชำระค่าจ้างให้โจทก์เพียง 5 ครั้งค้างชำระอยู่อีกตามใบแจ้งหนี้เอกสารหมาย จ.9 ถึง จ.12 และ จ.17 ถึง จ.19 เห็นว่าจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์เลยการที่จำเลยได้ชำระค่าจ้างโฆษณาให้โจทก์ไปแล้ว 5 ครั้งนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับรองโดยปริยายว่าการกระทำของนายเมธีได้กระทำไปในนามของจำเลยจริง ส่วนที่จำเลยปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามจากโจทก์ โจทก์มีเอกสารหมาย จ.20, จ.21 เป็นสำเนาหนังสือทวงถามและใบตอบรับที่โจทก์ส่งไปยังจำเลย มีผู้ลงชื่อรับโดยถูกต้องและนายวันชาติ อินทร์เมือง พยานจำเลยเบิกความตอบโจทก์ถามค้านว่าเอกสารหมาย จ.20 เป็นหนังสือทวงหนี้ จ.21 เป็นที่อยู่ของจำเลยจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามและจำเลยได้รับโดยชอบแล้ว คดีฟังได้ว่าจำเลยต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share