คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4657/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในคดีอาญาเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำความผิดโจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องเมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือ พยานพฤติเหตุแวดล้อมมาสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฆ่าผู้ตายคำเบิกความของเจ้าพนักงานผู้จับกุมจำเลยทั้งสองซึ่งอ้างว่าสืบทราบว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายและจำเลยทั้งสองรับสารภาพในชั้นจับกุมกับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนจำเลยทั้งสองที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนไม่พอให้รับฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ฆ่า ผู้ตาย ขอให้ ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 288 และ ริบ ไม้ กับ เชือก และ ผ้าของกลาง
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288 ให้ ลงโทษ จำคุก ตลอด ชีวิตจำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพ ใน ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 คง จำคุก จำเลยทั้ง สอง คน ละ 33 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ข้อเท็จจริง ฟัง เป็น ยุติ โดย คู่ความ มิได้ฎีกา โต้แย้ง ว่า ตาม วัน เวลา และ สถานที่ ที่ โจทก์ กล่าว ใน ฟ้องนาย เสถียร หรือ เขียน ไม่ทราบ นามสกุล ผู้ตาย ถูก คนร้าย ตี ทำร้าย ด้วย ของแข็ง ไม่มี คม ถูก ตาม ร่างกาย หลาย แห่ง เป็นเหตุ ให้ ผู้ตายถึงแก่ความตาย ปรากฎ ตาม รายงาน การ ชันสูตรพลิกศพ ท้ายฟ้องปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ มี ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ร่วมกันกระทำผิด ดัง ฟ้อง หรือไม่ เห็นว่า เมื่อ จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธว่า มิได้ กระทำผิด โจทก์ ย่อม มี หน้าที่ นำสืบ ให้ เห็นว่า จำเลย ทั้ง สองร่วมกัน กระทำผิด ดัง ฟ้อง แต่ โจทก์ ไม่มี ประจักษ์พยาน หรือ พยาน พฤติเหตุแวดล้อม ใด ๆ นำสืบ แสดง ให้ เห็นว่า จำเลย ทั้ง สอง เป็น คนร้าย ที่ ร่วมกันฆ่า ผู้ตาย คง มี แต่ ร้อยตำรวจเอก ไพบูลย์ พัฒนประดิษฐ์ ผู้ จับ จำเลย ทั้ง สอง มา เบิกความ ว่า พยาน สืบทราบ ว่า คนร้าย ที่ ฆ่า ผู้ตาย คือจำเลย ทั้ง สอง จึง เชิญ ตัว ไป ที่ สถานีตำรวจ จำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกัน ฆ่า ผู้ตาย พยาน จึง จับ จำเลย ทั้ง สอง ไม่ ปรากฎ ว่า พยานสืบทราบ จาก ผู้ใด ว่า จำเลย ทั้ง สอง เป็น คนร้าย เป็น การ เบิกความ ลอย ๆเพียง ว่า สืบทราบ มาจาก ชาวบ้าน ทั้ง พยาน เบิกความ ตอบ คำถามค้านทนายจำเลย ทั้ง สอง ว่า คน ที่ บอก พยาน เกี่ยวกับ คนร้าย นั้นพยาน ไม่ได้ บอก ชื่อ ให้ พนักงานสอบสวน สอบ ไว้ เป็น พยาน ด้วย แหล่ง ข้อมูลของ พยาน ปาก นี้ จึง เลื่อนลอย ไม่มี น้ำหนัก ให้ รับฟัง นอกจาก นี้โจทก์ ก็ มี เพียง บันทึก การ จับกุม เอกสาร หมาย จ. 2 ที่ ระบุ ว่าจำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพ ว่า ร่วมกัน ฆ่า ผู้ตาย คำให้การ ชั้นสอบสวนของ จำเลย ทั้ง สอง เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 9 ที่ จำเลย ทั้ง สอง รับ ว่าร่วมกัน ฆ่า ผู้ตาย ภาพถ่าย ประกอบการ นำ ชี้ ที่เกิดเหตุ หมาย จ. 10 บันทึกการ นำ ชี้ ที่เกิดเหตุ ประกอบ คำรับสารภาพ เอกสาร หมาย จ. 11 โดย มีพัน ตำรวจ ตรี สมเกียรติ ยุวดี พนักงานสอบสวน มา เบิกความ ประกอบ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวน เท่านั้น ศาลฎีกา เห็นว่าโจทก์ คง มี พยาน ใน ข้อ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวนดัง พยาน ได้ สอบสวน ไว้ เท่านั้น เมื่อ ใน ชั้นพิจารณา จำเลย ทั้ง สอง ให้การปฏิเสธ โจทก์ นำสืบ เพียง ว่า ใน ชั้นสอบสวน จำเลย ทั้ง สอง รับสารภาพต่อ พยาน ดัง ที่ ได้ สอบสวน จด บันทึก ไว้ เช่นนี้ ถือว่า เป็น แต่ ส่วน หนึ่งของ คำรับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวน เท่านั้น มิใช่ เป็น หลักฐาน ประกอบคำรับสารภาพ ของ จำเลย ทั้ง สอง ตาม มาตรา 176 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พยานหลักฐาน ประกอบ ตาม มาตรา 176จะ ต้อง ไม่ใช่ เป็น ส่วน หนึ่ง ของ คำรับสารภาพ นั้นเอง การ รับฟัง คำรับชั้นสอบสวน ซึ่ง จำเลย ทั้ง สอง ปฏิเสธ ใน ชั้นพิจารณา มา ใช้ ลงโทษ จำเลยทั้ง สอง โจทก์ ต้อง มี พยาน ประกอบ ว่า จำเลย ทั้ง สอง กระทำผิด จริง โดยพยาน ประกอบ นั้น ต้อง มิใช่ คำของ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ผู้สอบสวน คำรับ นั้นเองส่วน บันทึก การ จับกุม คำให้การ ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ทั้ง สอง บันทึกการ นำ ชี้ เกิดเหตุ ประกอบ คำรับสารภาพ และ ภาพถ่าย ประกอบการ นำ ชี้ที่เกิดเหตุ นั้น แม้ จะ มี ภาพ จำเลย ทั้ง สอง และ มี ข้อความ ว่า จำเลย ทั้ง สองร่วมกัน ใช้ ไม้ ตี ผู้ตาย จน ถึงแก่ความตาย ก็ ตาม แต่ ก็ เป็น ส่วน หนึ่ง ของคำรับสารภาพ ของ จำเลย ทั้ง สอง ใน ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เท่านั้นไม่ใช่ พยานหลักฐาน ที่ จะ นำ มา รับฟัง ประกอบ คำรับสารภาพ ของจำเลย ทั้ง สอง ใน ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เพื่อ ให้ เห็นว่า จำเลย ทั้ง สองกระทำ ความผิด ตาม ที่ โจทก์ ฟ้อง โจทก์ ไม่มี พยานหลักฐาน อื่น มา สืบ ประกอบคำรับ ดังกล่าว แต่อย่างใด เมื่อ จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ ใน ชั้นพิจารณาและ นำสืบ ปฏิเสธ ว่า คำรับ ดังกล่าว พนักงานสอบสวน ได้ มา โดย ไม่ชอบด้วย กฎหมาย พยานหลักฐาน ของ โจทก์ เพียง เท่าที่ นำสืบ มา ก็ ไม่พอ ให้ รับฟังลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง ได้ ตาม ฟ้อง ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายก ฟ้องโจทก์นั้น ชอบแล้ว ฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share