แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ศาลแรงงานจะฟังว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 64,285.71 บาทก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวเพียง 56,000 บาท ดังนั้นการที่ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินนั้นแก่โจทก์ 64,285.71 บาท โดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแต่อย่างใด จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 52
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด และมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๔๖,๐๐๐ บาท ค่าจ้างค้างจ่าย ๒๒,๖๖๖.๖๖ บาท และค่าเสียหาย ๑๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ใช่นายจ้างโจทก์ แต่โจทก์เป็นผู้จัดการในบริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด โจทก์ได้กระทำโดยจงใจให้บริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด ได้รับความเสียหาย ขัดขืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง บริษัททานตะวันพัฒนากิจ จำกัด จึงได้มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ไม่ใช่จำเลยเลิกจ้าง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง บริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด หรือจำเลยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยหรือค่าเสียหายเนื่องจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยจึงมีอำนาจฟ้อง อายุงานของโจทก์ไม่ครบ ๑๒๐ วัน จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย โจทก์ไม่ได้กระทำผิดถึงขนาดที่จำเลยจะเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยจึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน ๖๔,๒๘๕.๗๑ บาท กับค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕,๗๑๔.๒๙ บาท และวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างค้างจ่ายรวมเป็น ๘๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับเป็นอุทธรณ์โดยจำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์เป็นเงิน ๖๔,๒๘๕.๗๑ บาทนั้น เกินกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องขัดต่อมาตรา ๑๔๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในปัญหาข้อนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยจะต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๐ เป็นเงินจำนวน ๖๔,๒๘๕.๗๑ บาท แต่ตามคำฟ้องบรรยายว่าโจทก์มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๔๒ วัน เป็นเงิน ๕๖,๐๐๐ บาท และตามคำขอท้ายฟ้องก็ขอให้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินจำนวน ๕๖,๐๐๐ บาท เห็นว่า ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๖๔,๒๘๕.๗๑ บาทนั้น เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องโดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแก่คู่ความแต่อย่างใดจึงไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๒ โดยตรง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์จำนวน ๕๖,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง