แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปลูกสร้างอาคารใหม่ตามแนวอาคารเดิมซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย มิใช่ปลูกสร้างลงในซอยสาธารณะ จึงมิได้เป็นการรบกวนขัดขวางแก่การที่โจทก์จะใช้ซอยสาธารณะ การใช้ทรัพย์ของจำเลยจึงมิได้ทำให้โจทก์เสียหายหรือเดือดร้อนในการที่โจทก์จะใช้ที่ดินของตนหรือทางสาธารณะ ไม่เป็นกรณีตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่มีที่ดินและอาคารอยู่ในซอยสิบเบี้ยห่างจากอาคารหลังเดิมเลขที่ 289 ของจำเลยประมาณ 8 – 12เมตร เมื่อระหว่างวันที่ 4 เมษายน 2527 ถึงวันที่ 19 มกราคม 2528จำเลยได้ก่อสร้างอาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ทั้งหลังแทนอาคารเดิมเลขที่ 289 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522 ข้อ 72 โดยจำเลยก่อสร้างไม่ร่นแนวอาคารให้ห่างจากจุดกึ่งกลางของซอยสิบเบี้ยซึ่งเป็นทางสาธารณะกว้างเพียง 75เซนติเมตร จำเลยต้องร่นแนวอาคารห่างจากจุดกึ่งกลางของซอยสิบเบี้ยอย่างน้อย 3 เมตร จึงเป็นการก่อสร้างฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว ทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย เสื่อมสิทธิในการสัญจรไปมาอากาศในซอยถ่านเทไม่สะดวก และหากเกิดภัยธรรมชาติหรืออัคคีภัยขึ้นอาจหลบหนีไม่ทันเกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการกระทำ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ โทษจำให้รอการลงโทษ คดีถึงที่สุดแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2367/2528 ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้ออาคารเลขที่ 289 ของจำเลยด้านที่ดินกับซอยวานิช 1 เข้ามาในซอยสิบเบี้ยตลอดแนวอาคารของจำเลย โดยให้จำเลยร่นแนวอาคารห่างจากจุดกึ่งกลางซอยสิบเบี้ยประมาณ 3 เมตร
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยถูกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากการสร้างอาคารมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น มิใช่เนื่องจากสร้างอาคารโดยไม่ร่นจากกึ่งกลางซอยอย่างน้อย 3 เมตร การเข้าออกซอยของโจทก์คงเป็นไปตามเดิมโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ ไม่ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าสมควรจะรับคำฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารใหม่ตามแนวอาคารเดิมซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยเอง มิใช่ปลูกสร้างลงในซอยสิบเบี้ย จึงมิได้เป็นการรบกวนขัดขวางแก่การที่โจทก์จะใช้ซอยสาธารณะแต่อย่างใด ที่โจทก์อ้างว่าการปลูกสร้างของจำเลยทำให้โจทก์เสื่อมสิทธิในการสัญจรไปมาอากาศในซอยถ่ายเทไม่สะดวก หรือหากเกิดอัคคีภัยโจทก์อาจหลบหนีไม่ทัน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะใช้สอยที่ดินของจำเลยอย่างซอยสาธารณะต่างหากการใช้ทรัพย์ของจำเลยจึงมิได้ทำให้โจทก์เสียหายหรือเดือดร้อนในการที่โจทก์จะใช้ที่ดินของตนหรือทางสาธารณะ ไม่เป็นกรณีตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.