คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าคนร้ายบังอาจลักเอาโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที. เอ.ขนาด 19 นิ้วของผู้เสียหายไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรทัศน์ของกลาง ทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ที่ถูกคนร้ายลักไปยี่ห้อเซียร่า จึงต้องฟังว่าโทรทัศน์ของกลางกับของผู้เสียหายเป็นโทรทัศน์คนละเครื่อง เพราะต่างยี่ห้อกัน โทรทัศน์ของกลางอาจไม่ใช่ของผู้เสียหายที่หายไป แม้จะฟังว่าจำเลยได้รับโทรทัศน์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จริง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะโทรทัศน์ของกลางไม่ใช่ของผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้มีคนร้ายบังอาจลักเอาโทรทัศน์ยี่ห้อ “อาร์.ที.เอ.” ขนาด๑๙ นิ้ว ราคา ๔,๕๐๐ บาท ของผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมด้วยโทรทัศน์ที่ถูกลักไปเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๑)(๗) หรือ ๓๕๗ และขอให้สั่งคืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหาย จึงลงโทษฐานลักทรัพย์ไม่ได้ ส่วนข้อหาฐานรับของโจรนั้น โจทก์ฟ้องว่าโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที.เอ. ถูกคนร้ายลักไป และจับโทรทัศน์ยี่ห้อนี้จากจำเลย แต่ผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ของผู้เสียหายยี่ห้อเซียร่า ดังนี้ ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยจึงไม่ตรงตามที่อ้างในฟ้อง ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงไม่ได้ความดังฟ้องอันเป็นสารสำคัญแห่งคดี จะลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อหาฐานลักทรัพย์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้เพราะโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็น ส่วนข้อหาฐานรับของโจรฟังว่า เจ้าพนักงานจับกุมกับผู้เสียหายว่าโทรทัศน์ของกลางที่จับได้เป็นเครื่องเดียวกับของผู้เสียหายที่ถูกลักไป จำเลยไม่ได้เถียงกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่ได้หลงข้อต่อสู้ที่ผู้เสียหายเบิกความถึงโทรทัศน์คลาดเคลื่อนเป็นผิดในเรื่องรายละเอียดเล็กน้อย มิใช่สารสำคัญถึงกับจะต้องยกฟ้อง และฟังว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานรับของโจรพิพากษาแก้ลงโทษจำคุก ๑ ปี นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับโทรทัศน์จากนายใจ๋แล้วนำมาให้ผู้เสียหายเพื่อเรียกค่าไถ่ เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ ๑พร้อมด้วยโทรทัศน์ของกลางปรากฏว่าเป็นโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที.เอ. แต่ผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ที่ถูกคนร้ายลักไปยี่ห้อเซียร่า ดังนี้ จึงต้องฟังว่าโทรทัศน์ของกลางกับของผู้เสียหายที่หายไปเป็นโทรทัศน์คนละเครื่องเพราะต่างยี่ห้อกันแม้จะฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้รับโทรทัศน์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จริง ก็ลงโทษจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ เพราะโทรทัศน์ของกลางไม่ใช่ของผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share