คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานเข้าทำการไต่สวนให้น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามมีฐานะยากจน โดยจำเลยทั้งสามขอให้ยกคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามต่อไปนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ซึ่งจะต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเวลา 7 วัน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย จำเลยทั้งสามชอบที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นได้ภายในกำหนดเวลา 1 เดือน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2)
ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนโดยอ้างว่าป่วย โดยในครั้งแรกศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับให้เตรียมพยานมาให้พร้อมทั้งกำชับว่าหากมีพยานเพียงใดถือว่าติดใจเพียงเท่านั้น หากไม่มีพยานมาศาลจะงดสืบพยานและให้ทนายทั้งสามส่งใบรับรองแพทย์ ครั้งถึงวันนัดทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนอีก อ้างว่าป่วยโดยไม่มีใบรับรองแพทย์และไม่ส่งใบรับรองแพทย์ในครั้งก่อนโดยอ้างว่าไม่ได้ไปหาแพทย์ พฤติการณ์ของทนายจำเลยดังกล่าวจึงส่อไปในทางประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 3,986,235 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ของต้นเงิน 1,328,750 บาท นับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2540 และของต้นเงิน 1,371,860 บาท นับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2540 และของต้นเงิน 1,285,625 บาท นับตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 20,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนในทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นให้ยก จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานเข้าทำการไต่สวนให้น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามมีฐานะยากจน จึงยกคำร้อง หากจำเลยทั้งสามประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไปให้วางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ภายใน 15 วัน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่าการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกคำร้องของจำเลยทั้งสาม เนื่องจากจำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเกินกำหนด 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานเข้าทำการไต่สวนให้น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามมีฐานะยากจน โดยจำเลยทั้งสามขอให้ยกคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามต่อไปนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ซึ่งจะต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเวลา 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จำเลยทั้งสามจึงชอบที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นได้ภายในกำหนดเวลา 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2546 และจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 จึงอยู่ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ชอบที่จะต้องพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสามในเนื้อหาและสาระตามกระบวนความในคำร้อง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและมิได้เป็นการเสียเวลาแก่คู่ความ อีกทั้งคดีพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยได้แล้ว จึงเห็นสมควรไม่ต้องย้อนสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาสั่งอีก โดยศาลฎีกาจะได้ทำการพิจารณาว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานมาไต่สวนชอบหรือไม่ ซึ่งข้อนี้ปรากฏว่า ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนโดยอ้างว่าป่วย กล้ามเนื้ออักเสบไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่มีใบรับรองแพทย์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับให้เตรียมพยานมาให้พร้อม ทั้งกำชับว่าหากมีพยานเพียงใดถือว่าติดใจเพียงเท่านั้น หากไม่มีพยานมาศาลจะงดสืบพยาน และให้ทนายจำเลยทั้งสามส่งใบรับรองแพทย์ ครั้งถึงวันนัดคือวันที่ 4 กรกฎาคม 2546 ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนอีก อ้างว่าป่วย เหงือกบริเวณฟันกรามด้านขวาอักเสบมีอาการปวด ไม่สามารถพูดสะดวกโดยไม่มีใบรับรองแพทย์จึงไม่ได้ส่งใบรับรองแพทย์ตามที่ศาลสั่งในครั้งก่อนโดยอ้างว่าไม่ได้ไปหาแพทย์ พฤติการณ์ของทนายจำเลยดังกล่าวจึงส่อไปในทางประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานเข้าทำการไต่สวนให้น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามมีฐานะยากจนและยกคำร้องของจำเลยทั้งสามจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share