แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ละเมิด เหตุสุดวิสัย ไม่เปนข้อแก้ตัวถ้าผู้ใดนำสิ่งที่เปนอันตรายมาไว้ในที่ของตนวิธีพิจารณาแพ่งศาลสูงไม่แก้ไข ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัยมาเว้นแต่จะมีเหตุผลอันดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปล่อยน้ำล้างแร่ใหลบ่ามาในที่ดินโจทก์ทำให้เสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามคำสั่งของกรมราชโลหะกิจแล้วและความเสียหายเกิดขึ้นเพราะฝกตกชุกผิดธรรมดา
ศาลมณฑลนครศรีธรรมราชตัดสินยกฟ้องโดยกล่าวว่าฝนตกหนักผิดธรรมดา เหลือความสามารถจำเลยจะกะล่วงน่าได้ ความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัย
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับเห็นว่า ( ๑ ) ตาม พรบ เหมืองแร่ พ.ศ. ๖๑ ม. ๖๔ ( ๑ ) ห้ามเด็ดขาดไม่ให้มูลดินไหลจากเหมืองทำให้ทรัพย์ผู้อื่นเสียหาย ( ๒ ) ทำน้ำของจำเลยชำรุด โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยละเลยเสียถ้า จำเลยจัดการซ่อมแซมแล้วไม่อาจเสียหายแก่ โจทก์ ( ๓ ) ฝนตกหนักไม่ใช่เหตุเดียวที่ทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยจะใช้สิทธิ์ของตนได้ต่อเมื่อไม่เปนการเสียหายแก่ผู้อื่น ผลธรรมดาที่น้ำล้างแร่ไหลไปในที่ดินซึ่งทำการเพาะปลูกก็คือก่อให้เกิดความเสียหาย บุคคลใดนำหรือเก็บสิ่งใดภายในที่ดินถ้าสิ่งนั้นหลุดไปแลน่าจะเกิดความเสียหายแล้ว บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบถึงแม้ว่าจะไม่ได้เลินเล่อเลย ในคดีนี้ จำเลยตกในฐานเปนผู้รับประกันภัย แลเปนที่สงสัยอยู่ว่า จำเลยจะไม่ต้องรับผิดชอบ ถึงแม้จะสืบได้ว่าความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัย เพราะความเสียหายในเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากการใช้ที่ดินตามสภาพธรรมดาเหตุสุดวิสัยจะปลดเปลื้งความรับผิดชอบของ จำเลย ๆ จะต้องพิศูจน์ว่า ความเสียหายได้เกิดจากธรรมดาบันดาลอย่างเดียวซึ่ง จำเลยไม่มีเหตุสมควรจะเล็งเห็น จริงอยู่ถ้าความเสียหายเกิดจากความสุดวิสัยย่อมปลดเปลื้องความรับผิด แต่นั้นเปนปัญหาข้อเท็จจริงฉะเพาะเรื่อง และตามธรรมดาแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ไข ข้อเท็จจริงที่ศาลเดิม วินิจฉัยเว้นแต่จะมีเหตุผลอันดีเรื่องนี้ จำเลยแล้วว่าท่อระบายน้ำชำรุดแตกละเลยไม่ซ่อมแซม การที่น้ำไหลบ่าเข้านา โจทก์เพราะฝนตกหนักผิดธรรมดากอร์ปด้วยท่อระบายนี้ของจำเลยชำรุด จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์