คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มีการปิดอากรแสตมป์พิจารณาครบถ้วนก่อนสืบพยานโจทก์ก็ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ ส่วนการที่จะต้องรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งต่างหากนั้นไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสุขสันต์ จิรจริยาเวชฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ ขอให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและออกไปจากบ้านเลขที่ 1117 และส่งมอบให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายคำฟ้องไม่ได้ปิดอากรแสตมป์จึงไม่อาจถือว่ามีการมอบอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะฟ้องคดี ฯลฯขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและออกไปจากบ้านพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และค่าเสียหายอีกเดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะส่งมอบบ้านเช่า ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 1,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะฎีกาในข้อกฎหมายว่าหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเอกสารหมาย จ.3 รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายสุขสันต์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2528 นายสุขสันต์ฟ้องคดีวันที่ 15 พฤศจิกายน2528 และโจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3วันที่ 15 กรกฎาคม 2529 ก่อนทำการสืบพยานโจทก์ เห็นว่า ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติว่า ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับคู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์จำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากรตามมาตรา 113 และมาตรา 114ฉะนั้นแม้หนังสือมอบอำนาจของโจทก์จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มีการปิดอากรแสตมป์ในชั้นพิจารณาครบถ้วนก่อนสืบพยานโจทก์ก็ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ ส่วนการที่จะต้องรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งต่างหากไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะรับฟังตราสารคือหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์1,000 บาท

Share