แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.ทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลย กำหนดชำระเบี้ยประกันปีละ 2 งวด หากไม่ชำระเบี้ยประกันตามกำหนด บริษัทจำเลยจะผ่อนเวลาให้อีก 30 วันโดยไม่คิดดอกเบี้ย ป.ชำระเบี้ยประกันแล้ว 3 งวด งวดที่ 4 ป.ไม่ได้ชำระภายในกำหนดหรือภายในเวลา 30 วันที่ผ่อนผันให้ตามกรมธรรม์ แต่ชำระให้หลังจากระยะเวลาที่ผ่อนผันให้นั้นล่วงเลยไปแล้ว 1 เดือนเศษ ทั้งยังชำระด้วยเช็คซึ่งลงวันที่ล่วงหน้าต่อไปอีก 1 เดือนเศษด้วย บริษัทจำเลยก็ยังตกลงรับเบี้ยประกันงวดนั้น ต่อมาในงวดที่ 5 ป.ก็ชำระหลังจากระยะเวลาที่ผ่อนผันให้นั้นล่วงเลยไปแล้วประมาณ 10 วัน และชำระด้วยเช็คซึ่งลงวันที่ล่วงหน้า 1 เดือนเศษ โดยชำระแก่ผู้แทนของบริษัทจำเลยเมื่อบริษัทจำเลยทราบมิได้ทักท้วงประการใด แม้ตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์จะระบุไว้ว่า ถ้าผู้เอาประกันไม่ชำระเบี้ยประกันภายในเวลาที่ผ่อนให้ กรมธรรม์ย่อมขาดอายุและไม่มีผลบังคับ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของบริษัทจำเลยนั้น เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยมิได้ถือปฏิบัติเคร่งครัดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ การที่บริษัทจำเลยไม่ทักท้วงในการที่ผู้แทนของบริษัทจำเลยรับชำระเบี้ยประกันงวดที่ 5 ที่ ป.ชำระด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้าเช่นนี้ เท่ากับบริษัทจำเลยยอมสละเงื่อนไขดังกล่าวโดยผ่อนผันให้ ป.ชำระเบี้ยประกันงวดนี้ไปจนถึงวันที่ลงในเช็ค กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงไม่ขาดอายุและยังมีผลบังคับอยู่ แม้ ป.จะตายก่อนที่เช็คนั้นจะถึงกำหนดชำระ ก็ไม่ทำให้กรมธรรม์ขาดอายุหรือไม่มีผลบังคับ บริษัทจำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๔ นายประวิทย์ วิบูลย์นรชาติซึ่งเป็นสามีของโจทก์ที่ ๑ และเป็นบิดาของโจทก์ที่ ๒ ได้ทำสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ไว้กับจำเลย เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเวลา ๒๐ ปี ในระหว่าง ๒๐ ปี หากนายประวิทย์ตายจำเลยยอมจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ๑๐๐,๐๐๐ บาท หากนายประวิทย์ วิบูลน์นรชาติ เกิดอุบัติเหตุทำให้ตายภายใน ๖ เดือน จำเลยจะจ่ายเงินทดแทนให้อีก ๑๐๐,๐๐๐ บาทรวมเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท นายประวิทย์ได้ชำระเบี้ยประกันครบถ้วนตลอดมาจนถึงวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๑๖ นายประวิทย์ถูกคนร้ายลอบยิงถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองติดต่อขอรับเงินประกันชีวิต จำเลยปฏิเสธขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตให้โจทก์ทั้งสอง รวม ๒๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่านายประวิทย์ชำระเบี้ยประกันให้จำเลยเพียง ๓ งวด งวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ นายประวิทย์ไม่ได้ชำระ กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงขาดอายุและไม่มีผลบังคับใช้ต่อไปตามเงื่อนไขทั่วไปข้อ ๔ ต่อมานายประวิทย์ขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งตามกรมธรรม์ประกันชีวิตเอกสิทธิข้อ ๒ นายประวิทย์จะต้องพิสูจน์ว่าตนเองมีสุขภาพสมบูรณ์ตลอดมาและสมควรที่บริษัทจำเลยจะรับประกันต่อไป แต่นายประวิทย์ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าตนเองมีสุขภาพสมบูรณ์ตลอดมา และมิได้ชำระเบี้ยประกันที่ค้างพร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ว่า กรมธรรม์ประกันชีวิตไม่มีผลบังคับ เพราะยังไม่ต่ออายุ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า การตายของนายประวิทย์ วิบูลย์นรชาติเกิดจากอุบัติเหตุ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ทางพิจารณาฟังข้อเท็จจริงได้ว่า นายประวิทย์ทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลย กำหนดชำระเบี้ยประกันปีละ ๒ งวด หากไม่ชำระเบี้ยประกันตามกำหนด บริษัทจำเลยจะผ่อนเวลาให้อีก ๓๐ วัน โดยไม่คิดดอกเบี้ย นายประวิทย์ได้ชำระเบี้ยประกันให้บริษัทจำเลยแล้ว ๓ งวด คือ งวดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๔ งวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ และงวดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๕ โดยเฉพาะงวดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๕ นายประวิทย์ วิบูลย์นรชาติ ไม่ได้ชำระภายในวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๕ หรือภายใน ๓๐ วัน ที่บริษัทจำเลยผ่อนผันให้ตามกรมธรรม์ แต่ชำระให้ในเดือนตุลาคม ๒๕๑๕ หลังจากระยะเวลา ๓๐ วันที่บริษัทจำเลยผ่อนผันให้ตามกรมธรรม์ล่วงเลยไปแล้ว ๑ เดือนเศษ และชำระด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้า คือ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ปรากฏตามเช็คเอกสารหมาย จ.๗ และบริษัทจำเลยออกใบรับให้ตามใบรับเบี้ยประกันเอกสารหมาย จ.๓ ส่วนเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ นายประวิทย์ วิบูลย์นรชาติ ชำระให้เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๖ หลังจากระยะเวลาที่บริษัทจำเลยผ่อนผันให้ตามกรมธรรม์ล่วงเลยไปแล้วประมาณ ๑๐ วัน และชำระด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้า คือ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๖ ปรากฏตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ โดยมอบเช็คดังกล่าวให้แก่นายเสมา ถนอมศิลป์ ผู้แทนบริษัทจำเลยประจำสาขาชลบุรี นายเสมา ถนอมศิลป์ ออกใบเสร็จรับเงินชั่วคราวให้ตามเอกสารหมาย จ.๔ และแจ้งให้บริษัทจำเลยทราบแล้ว ต่อมาวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๑๖ ก่อนที่เช็คตามเอกสารหมาย ล.๑ จะถึงกำหนด นายประวิทย์ถูกคนร้ายลอบยิงจนถึงแก่ความตายแต่บริษัทจำเลยปฏิเสธการจ่ายเงินตามกรมธรรม์แก่โจทก์ทั้งสองโดย อ้างว่ากรมธรรม์ขาดอายุเพราะนายประวิทย์ วิบูลย์นรชาติ ไม่ชำระเบี้ยประกันภายในกำหนด และบริษัทจำเลยยังไม่ต่ออายุกรมธรรม์ให้ เนื่องจากเช็คตามเอกสารหมาย ล.๑ ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงิน กรมธรรม์ประกันจึงไม่มีผลบังคับ
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้เงื่อนไขทั่วไปข้อ ๔ แห่งกรมธรรม์ประกันสะสมทรัพย์จะระบุว่า ถ้าผู้เอาประกันไม่ชำระเบี้ยประกันภายในเวลาที่ผ่อนให้ กรมธรรม์ย่อมขาดอายุ และไม่มีผลบังคับ แต่ปรากฏว่าเมื่อนายประวิทย์ไม่ชำระเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๕ ภายในเวลาที่ผ่อนให้ และนำเบี้ยประกันมาชำระให้หลังจากเวลาที่ผ่อนให้ล่วงเลยไป ๑ เดือนเศษ ทั้งยังชำระโดยเช็คลงวันที่ล่วงหน้าอีก ๑ เดือนเศษ บริษัทจำเลยก็ตกลงรับเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๕ ไว้จากนายประวิทย์โดยไม่ถือว่ากรมธรรม์ขาดอายุและไม่มีผลบังคับ เมื่อนายประวิทย์ชำระเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ ให้ทางนายเสมาผู้แทนบริษัทจำเลยหลังจากเวลาที่ผ่อนให้ล่วงเลยไปแล้ว เมื่อบริษัทจำเลยทราบว่าผู้แทนบริษัทจำเลยรับชำระเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ บริษัทจำเลยก็ไม่ทักท้วงประการใด พฤติการณ์ดังกล่าวของบริษัทจำเลยจึงเห็นได้ว่าบริษัทจำเลยมิได้ถือปฏิบัติเคร่งครัดว่าถ้าผู้เอาประกันไม่ชำระเบี้ย ประกันภายในเวลาที่ผ่อนให้แล้ว กรมธรรม์ย่อมขาดอายุและไม่มีผลบังคับทันทีตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ บริษัทจำเลยจึงรับเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๕ และ ไม่ทักท้วงที่ผู้แทนบริษัทจำเลยรับชำระเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ ไว้จากนายประวิทย์ ทั้ง ๆ ที่นายประวิทย์ชำระให้หลังจากเวลาที่ผ่อนให้ล่วงเลยไปแล้วโดยไม่ให้นายประวิทย์ดำเนินการขอต่ออายุกรมธรรม์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันสะสมทรัพย์การที่บริษัทจำเลยไม่ทักท้วงในการที่ผู้แทนบริษัทจำเลยรับชำระเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ ที่นายประวิทย์ชำระโดยเช็คลงวันที่ล่วงหน้า คือ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๖ เท่ากับบริษัทจำเลยยอมสละเงื่อนไขดังกล่าวโดยผ่อนผันให้นายประวิทย์ชำระเบี้ยประกันงวดวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ ไปจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๖ กรมธรรม์ประกันสะสมทรัพย์จึงไม่ขาดอายุและยังมีผลบังคับอยู่ การที่นายประวิทย์ตายก่อนที่เช็คจะถึงกำหนดชำระ ไม่ทำให้กรมธรรม์ดังกล่าวขาดอายุหรือไม่มีผลบังคับ บริษัทจำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ทั้งสองตามกรมธรรม์ประกันสะสมทรัพย์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น