คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าที่ดินซึ่งมีผู้อื่นได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า ให้อยู่อาศัยอยู่ก่อนแล้วนั้น ถือว่าผู้ให้เช่ายังมิได้ส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ที่เช่าให้ผู้เช่า ผู้เช่าไม่มีสิทธิในการครอบครองที่เช่านั้น จึงจะอาศัยอำนาจโดยเฉพาะตัวของผู้เช่าฟ้องขับไล่ผู้อาศัยยังไม่ได้ ตามแบบอย่างฎีกาที่ 1027-1028/2492)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินติดหลังห้องแถว 2 ห้องที่โจทก์เช่าจากวัดกลาง โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เช่าห้องแถวและที่พิพาทจากวัดมา 25 ปีแล้ว เมื่อ 8 ปีมานี้จำเลยขออาศัยที่พิพาททำที่เก็บถ่าน ทำห้องน้ำห้องส้วม และเล้าไก่ บัดนี้โจทก์ต้องการใช้ที่พิพาทให้จำเลยออก จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงขอให้ขับไล่

จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของมารดาจำเลย จำเลยปลูกห้องน้ำ ห้องส้วมลงในที่พิพาทแล้ว มารดายกที่ให้วัด แต่วัดยอมให้จำเลยอาศัยที่พิพาทไปจนกว่าจำเลยจะเลิกเช่าห้องของวัด โจทก์ไม่เคยใช้ที่พิพาทมาก่อนที่พิพาทโอนเป็นของวัดหลังจากโจทก์เช่าห้องของวัดอยู่

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่ได้จดทะเบียนสิทธิอาศัยไว้ฉะนั้นจะใช้ยันแก่วัดหรือโจทก์ผู้เช่าจากวัดไม่ได้ พิพากษาขับไล่จำเลย

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ถ้าข้อเท็จจริงได้ความตามที่จำเลยต่อสู้คือ จำเลยได้ปลูกสร้างในที่พิพาทขึ้นก่อนโจทก์เช่าแล้ว จะถือว่ารอนสิทธิโจทก์ไม่ได้ เพราะโจทก์ยังมิได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อนจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยอาศัยที่วัดอยู่ก่อนที่โจทก์ไปทำสัญญาเช่าที่พิพาทมาจากวัด ก็ส่อแสดงว่าจำเลยได้เข้าไปอยู่ในที่พิพาทก่อนที่วัดจะได้ส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ที่เช่าให้โจทก์ ๆ ยังไม่มีสิทธิในการครอบครองที่ดินนั้นอย่างไรจึงจะอาศัยอำนาจโดยเฉพาะตัวของโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยยังไม่ได้ดังที่ได้เคยวินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 1027-1028/2482

จึงพิพากษายืน

Share