คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท แต่ไปรับราชการอยู่ที่อื่นจึงให้ ล. พี่เขยดูแลแทน ล. ให้จำเลยซึ่งเป็นหลานของโจทก์อาศัย จำเลยได้เข้ากรีดยางและปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทซึ่งเป็นการอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ แม้จำเลยจะมิได้แบ่งรายได้จากการกรีดยางให้โจทก์หรือ ล. ตามที่ ได้ตกลงไว้กับ ล. และโจทก์มิได้เข้มงวดต่อจำเลยในเรื่องนี้ก็หาพอที่จะฟังว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิโจทก์จำเลยจะอยู่มานานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นญาติปลูกขนำและกรีดยางในสวนของโจทก์โดยแบ่งรายได้กับโจทก์ ต่อมาโจทก์ให้นายล้อมยื่นคำร้องต่ออำเภอขอขายที่สวนพิพาท แต่จำเลยที่ 1 คัดค้าน ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยรื้อโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไป และใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองมา10 ปีเศษ โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ที่พิพาทเป็นของโจทก์มาก่อนแต่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองมาเกิน 1 ปี ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของบิดามารดาโจทก์ เป็นที่ปลูกยางพารา มะพร้าว และต้นผลไม้ บิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมพวกพี่ ๆ ของโจทก์ประชุมกันสละมรดกที่แปลงนี้และยกให้โจทก์พ.ศ. 2498 โจทก์ได้แจ้งการครอบครองที่แปลงนี้ แต่เนื่องจากโจทก์ไปรับราชการอยู่ที่อื่น จึงให้นายล้อมพี่เขยดูแลแทน ต่อมาจำเลยขออาศัยทำกินในที่พิพาทนายล้อมเห็นว่าจำเลยเป็นหลาน จึงอนุญาตให้อาศัยทำกิน นายล้อมผู้ดูแลที่พิพาทเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่แทนโจทก์ เมื่อปี พ.ศ. 2512 จำเลยได้เสียภาษีบำรุงท้องที่ครั้งหนึ่ง โดยเสียในนามโจทก์ จำเลยอยู่อาศัยในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิโจทก์ การที่จำเลยเข้ากรีดยางในที่พิพาทและไม่ได้แบ่งรายได้ให้โจทก์หรือนายล้อมผู้ดูแลที่พิพาทของโจทก์นั้น ได้ความจากนายล้อมว่าจำเลยเป็นหลาน ไม่มีรายได้อะไร คำจำเลยเองก็เจือสมคำนายล้อมว่า กรีดน้ำยางได้น้อยและเมื่อ 2 ปีก่อนฟ้องก็กรีดน้ำยางไม่ได้เลย ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นอาจำเลย การที่จำเลยผู้เป็นหลานมิได้แบ่งรายได้จากการกรีดยางให้โจทก์หรือนายล้อม และโจทก์มิได้เข้มงวด ต่อจำเลยในเรื่องนี้นั้น หาพอที่จะฟังว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ไม่ ดังนั้น การที่จำเลยเข้าไปกรีดยาง และเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาท และในตอนหลังได้รื้อบ้านไปปลูกในที่พิพาทจึงเป็นการอาศัยโจทก์ดังโจทก์นำสืบ เมื่อจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิโจทก์ แม้จำเลยจะอยู่มานานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาท โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้

ในปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์มิได้ฎีกามา จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้

พิพากษาแก้ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไป ห้ามเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก

Share