คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4620/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ที่ 13 ถึงแก่กรรมก่อนฟ้องเพียง 9 วัน ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 13 ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนเพราะสัญญาตั้งตัวแทนย่อมระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 826 วรรคสองและไม่ปรากฏว่าการฟ้องคดีนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ตัวแทนต้องจัดการเพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์ตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828 ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 13จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาว่าที่พิพาทไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพราะไม่มีการออกพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 จึงไม่ใช่ข้อที่ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหาว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้อง และไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสิบสี่สำนวนฟ้องใจความอย่างเดียวกันว่า โจทก์ต่างครอบครองที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้อง โจทก์ทั้งสิบสี่ครอบครองที่ดินต่อจากบรรพบุรุษมานานหลายสิบปีไม่เคยมีผู้ใดคัดค้านโต้แย้งและกล่าวอ้างว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ ต่อมา จำเลยที่ 1 ได้สั่งจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกำนัน และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านให้ห้ามโจทก์ทั้งสิบสี่เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการโต้แย้งสิทธิและรบกวนการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสิบสี่ ขอให้พิพากษาว่าโจทก์ทั้งสิบสี่มีสิทธิครอบครองที่ดินตามที่แต่ละคนครอบครองตามแผนที่ท้ายฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การใจความอย่างเดียวกันว่า ที่ดินตามฟ้องอยู่ในเขตทำเลเลี้ยงสัตว์บ้านเตย ทางราชการได้หวงห้ามและขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะตั้งแต่ปี 2472 ต่อมาในปี 2501 ได้มีการสำรวจตรวจสอบเนื้อที่ปักหลักเขตแล้วขึ้นทะเบียนใหม่ โจทก์ทั้งสิบสี่บุกรุกเข้าไปครอบครองทำกินโดยไม่มีสิทธิ ส.ค.1 และ น.ส.3 ที่โจทก์อ้างเป็นหลักฐานแสดงสิทธิของที่ดินแปลงอื่น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสิบสี่สำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสิบสี่สำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 13 ถึงแก่ความตายก่อนฟ้องเพียง1 วัน สัญญาตั้งตัวแทนย่อมระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 826 วรรคสอง ไม่ปรากฏว่าการฟ้องคดีนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ตัวแทนต้องจัดการเพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์ตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828 ผู้รับมอบอำนาจจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทน
ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาว่า การหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ที่ดินพิพาทไม่มีการดำเนินการดังกล่าวจึงไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายนั้น เห็นว่าโจทก์เพิ่งยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ใช่ข้อที่ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหาว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้องและไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share