คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4604/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินทั้งหมดที่มีสิ่งปลูกสร้าง แต่จำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเพียงโฉนดเดียวให้แก่โจทก์ส่วนที่ดินอีกโฉนดหนึ่งที่มีสิ่งปลูกสร้างบางส่วนอยู่จำเลยที่ 1 ปกปิดไม่แบ่งโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์แต่กลับไปโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์เสียเปรียบผิดเจตนาในการทำสัญญาซื้อขาย เท่ากับโจทก์นำสืบว่าสัญญาซื้อขายไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโจทก์จึงมีสิทธิสืบพยานบุคคลได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินซึ่งซื้อมาจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ตกลงขายบ้านพร้อมที่ดินทั้งหมดในบริเวณรั้วคอนกรีตแก่โจทก์และได้โอนบ้านและที่ดินโฉนดเลขที่ 16331 แก่โจทก์ โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยที่ 1ได้โอนที่ดินทั้งหมดให้แก่โจทก์แล้ว ต่อมาจำเลยที่ 2 แจ้งว่าโจทก์ปลูกบ้านรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่ 4456 ของจำเลยที่ 2 ที่ได้รับโอนมาจากจำเลยที่ 1 อีกแปลงหนึ่ง โจทก์ตรวจสอบทราบว่าบ้านปลูกอยู่บนที่ดินสองโฉนด ซึ่งหากโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 จะขายที่ดินเพียงแปลงเดียวโจทก์จะไม่ซื้อเพราะจะทำให้บ้านขาดกำแพงด้านทิศตะวันตก ผนังบ้านและบ่อเก็บน้ำกับท่อน้ำซึ่งอยู่ในที่ดินอีกแปลงหนึ่ง จำเลยที่ 1 โอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 โดยเสน่หา ขอให้ศาลมีคำสั่งว่านิติกรรมการโอนให้โดยเสน่หาระหว่างจำเลยทั้งสองเป็นโมฆะและให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4456ส่วนที่มีสิ่งปลูกสร้างในเขตกำแพงให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 4456 เป็นของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ใส่ชื่อในโฉนดถือกรรมสิทธิ์แทน จำเลยที่ 1ไม่มีเจตนาโอนขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์และได้แจ้งให้โจทก์ทราบในเวลาซื้อขายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นิติกรรมการโอนให้โดยเสน่หาซึ่งที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 เป็นโมฆะ ให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวเสีย ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาท (เนื้อที่ 16 ตารางวา) ซึ่งอยู่ในโฉนดที่ดินเลขที่ 4456ตำบลพระโขนงฝั่งเหนือ อำเภอ พระโขนง กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ไปจดทะเบียนการโอนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ประเด็นข้อสุดท้ายที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่าโจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 4456 โดยโจทก์ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต อยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จดทะเบียนได้เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาซื้อขาย ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 หรือไม่ เห็นว่าโจทก์กล่าวฟ้องและนำสืบว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงซื้อขายบ้านเลขที่ 14/1 พร้อมที่ดินทั้งหมดที่มีสิ่งปลูกสร้างแต่จำเลยที่ 1โอนกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ 16331 เพียงโฉนดเดียวเท่านั้นส่วนที่ดินพิพาทในโฉนดเลขที่ 4456 จำเลยที่ 1 ปกปิดไม่แบ่งโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์แต่กลับไปโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยที่ 2ทำให้โจทก์เสียเปรียบผิดเจตนาในการทำสัญญาซื้อขาย เท่ากับโจทก์นำสืบว่าสัญญาซื้อขายไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน โจทก์จึงมีสิทธิสืบพยานบุคคลได้
พิพากษายืน

Share