แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 5 ปี ต่อเจ้าพนักงานกรมการอำเภอหลังจากวันทำสัญญาฉบับแรกได้ 1 ปี คู่สัญญาได้ตกลงกันทำสัญญาเช่าอีกฉบับหนึ่ง มีข้อความว่าเมื่อครบกำหนด 5 ปีแล้วผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่าเช่าต่อไปอีก 3 ปี สัญญาฉบับหลังทำกันเองและเขียนไว้หลังสัญญาฉบับแรกดังนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่เพื่อขยายเวลาเช่าในสัญญาเดิมออกไป รวมกันเป็น 8 ปีนั้น เป็นการหลีกเลี่ยงการไปทำสัญญาเช่า ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อตกลงกันใหม่ จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ใช้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากนายเคน ซึ่งเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนายหลง ๆ ขายให้นายเคนเมื่อครั้งที่ดินยังเป็นของนายหลงอยู่ จำเลยได้นำสัญญาเช่าจากนายหลงเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2485 มีกำหนด 5 ปี ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2490 ซึ่งเป็นเวลาสิ้นกำหนดสัญญาเช่า โจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลย ๆ ไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่ นายบุญทันจำเลยรับว่าได้สัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้องจริง แต่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2486 นายหลงขึ้นค่าเช่า และนายหลงยอมให้ทำสัญญาต่ออายุสัญญาเดิมออกไปอีก 3 ปี จำเลยจึงมีสิทธิเช่าที่พิพาทไปจนถึงวันที่ 28 มกราคม 2493 โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์ขอให้ศาลเรียกนายหลงมาเป็นจำเลยร่วม นายหลงให้การเช่นเดียวกับนายบุญทันจำเลย
ชั้นพิจารณา โจทก์ จำเลยตกลงกันว่าสัญญาเช่าที่ทำต่ออายุเช่ากันเองลงวันที่ 10 เมษายน 2486 และทำก่อนสิ้นอายุ 5 ปี ตามกรมธรรม์สัญญาเดิมนั้น จะใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าใช้ได้ก็ขอให้ตัดสินให้โจทก์แพ้ ถ้าใช้ไม่ได้ ก็ตัดสินให้จำเลยแพ้ โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ขับไล่จำเลย
นายบุญทันจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ ในคดีนี้ประกอบกับ เวลาทำสัญญาเช่าต่อจากสัญญาเดิมไปอีก 3 ปี นั้น เวลาเช่าในสัญญาเดิมยังมีอยู่อีกถึงประมาณ 4 ปี จึงจะครบกำหนดการเช่า เห็นได้ว่าการทำสัญญาเช่ากันใหม่ เพื่อขยายเวลาเช่าในสัญญาเดิมออกไปรวมกันเป็น 8 ปี เป็นการหลีกเลี่ยงการไปทำสัญญาเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อตกลงเช่ากันใหม่จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ใช้ไม่ได้
พิพากษายืน