คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4568/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของเช็คซึ่งธนาคาร ร. ในต่างประเทศมีคำสั่งให้ธนาคารจำเลยใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ห้าง ฯ อ. เพื่อชำระหนี้ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินแต่ห้าง ฯ อ. แจ้งว่าไม่ได้รับเช็คดังกล่าว โจทก์จึงได้ส่งเช็คฉบับใหม่มาชำระให้แก่ห้าง ฯ อ. อีกฉบับหนึ่ง ภายหลังโจทก์ทราบว่าจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คฉบับแรกซึ่งมีผู้ปลอมตราประทับและลายมือชื่อผู้จัดการห้าง ฯ อ. มาเรียกเก็บเงินไปก่อนแล้วดังนี้ โจทก์ในฐานะเจ้าของเช็คพิพาทผู้มีสิทธิในเงินจำนวนที่สั่งจ่ายตามเช็คซึ่งยังไม่ตกไปถึงมือผู้รับเงินตามความประสงค์ของโจทก์ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ธนาคารจำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาทอันเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะผ่านธนาคาร ส. ซึ่งส่งเช็คมาเรียกเก็บเงิน การที่จำเลยมิได้ตรวจสอบลายมือชื่อและตราประทับของผู้สลักหลังในเช็คพิพาทยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คไปโดยประมาทเลินเล่อ เพราะเช็คขีดคร่อมที่ส่งมาเรียกเก็บจากธนาคาร ส. นั้น เป็นหน้าที่ของธนาคาร ส. ผู้รับเช็คที่จะตรวจสอบไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยซึ่งใช้เงินผ่านธนาคาร ส. ดังนั้นแม้ลายมือชื่อและตราประทับที่ปรากฏในเช็คพิพาทจะเป็นการสลักหลังปลอมก็ตามจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ส่งเช็คของธนาคารริยาร์ดแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย คิดเป็นเงินไทยจำนวน ๕๖,๔๙๔.๓๐ บาท สั่งให้ธนาคารจำเลยจ่ายเงินแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.ที การท่องเที่ยวเพื่อชำระหนี้ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินและค่าโรงแรม ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.ที การท่องเที่ยวแจ้งโจทก์ว่ายังไม่ได้รับเช็ค โจทก์จึงส่งมอบเช็คฉบับใหม่ไปให้ และติดต่อจำเลยให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็คฉบับก่อน แต่จำเลยแจ้งว่าได้จ่ายเงินตามเข็คไปแล้วโจทก์ได้ตรวจสอบจึงพบว่าตราประทับและลายมือชื่อผู้มีอำนาจของห้าง ณ ที่ปรากฏในรายการสลักหลังเช็คเป็นตราประทับและลายมือปลอม ดังนั้นหากจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตรวจสอบตราประทับและลายมือชื่อของห้าง ฯ ซึ่งเป้นลูกค้าของจำเลยด้วยแล้ว ย่อมทราบได้โดยง่ายว่ารายการสลักหลังนั้นเป็นการสลักหลังปลอม แต่จำเลยมิได้ทำการตรวจสอบอันเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อจึงฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็คและดอกเบี้ยตามกฎหมาย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งมิใช่เป็นเจ้าของทีแท้จริงหรือคู่สัญญาใด ๆ ในเช็ค จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คไปโดยสุจริตปราศจากประมาทเลินเล่อ โดยใช้เงินตามเช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาบางนา ซึ่งมีผลเสมือนได้จ่ายเงินให้แก่ผู้เป็นเจ้าของเช็คที่แท้จริง จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยใช้เงินตามเช็คไปโดยความประมาทเลินเล่อ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องว่า ที่โจทก์กล่างอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของเช็คฉบับพิพาทซึ่งธนาคารริยาร์ดแห่งประเทศซาอุดิอาระเบียมีคำสั่งให้ธนาคารจำเลยให้เงินตามจำนวนที่ระบุในเช็คให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.ที. การท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้รับเงินตามเช็ตเพื่อชำระหนี้ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินและค่าโรงแรม แต่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.ที.การท่องเที่ยวไม่ได้รับเช็คฉบับดังกล่าว โจทก์จึงได้ส่งเช็คฉบับใหม่มาชำระหนี้ให้แก่ผู้รับเงินดังกล่าวอีกฉบับหนึ่ง และปรากฏว่าธนาคารจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คฉบับพิพาทซึ่งมีผู้ปลอมลายมือชื่อผู้จัดการและตราประทับมาเรียกเก็บไปก่อนแล้ว อันเป็นผลให้โจทก์ได้รับความเสียหายดังนี้ เห็นว่าโจทก์ในฐานะเจ้าของเช็คฉบับพิพาทผู้มีสิทธิในเงินจำนวนที่สั่งจ่ายตามเช็คซึ่งยังไม่ตกไปถึงมือผู้รับเงินตามความประสงค์ของโจทก์ มีสิทธิเรียกร้องต่อธนาคารจำเลยให้รับผิดในความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องจากได้ใช้เงินไปโดยประมาทเลินเล่อได้ตามฟ้อง
สำหรับประเด็นที่ว่า ธนาคารจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คไปโดยประมาทเลินเล่อหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาบางนา ผู้ส่งมาเรียกเก็บที่ธนาคารจำเลยเห็นว่าแม้โจทก์จะนำสืบว่า ลายมือชื่อและตราประทับที่ปรากฏในเช็คพิพาทจะเป็นสลักหลังปลอมก็ตาม แต่นายจคุพันธ์ จิตต์ปราณีต พนักงานธนาคารพยานจำเลยเบิกความตอบถามค้านว่า ธนาคารจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบรายการสลักหลังเพราะในกรณีนี้เป็นการใช้เงินผ่านธนาคารผู้เรียกเก็บดังกล่าวไป ต่างกับในกรณีมีผู้นำเช็คมาขึนเงินจากธนาคารด้วยตนเองซึ่งตามทางปฏิบัติธนาคารจะทำการตรวจสอบและเมื่อพบข้อบกพร่องก็จะไม่จ่ายเงิน เห็นว่าแม้ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.ที. การท่องเที่ยวจะมีบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารจำเลย แต่บัญชีเงินฝากมิได้เกี่ยวโยงกับเช็คพิพาทไม่ปรากฏว่าพนักงานจำเลยทราบอยู่แล้วว่ามีบัญชีนั้นแล้วไม่ตรวจดูตราประทับและตัวอย่างลายมือชื่อของผู้มีอำนาจกระทำการแทนห้าง ฯ ผู้รับเงิน พนักงานจำเลยจึงอาจไม่ทราบก้ได้ ทั้งจำเลยก็นำสืบว่าสำหรับเช็คขีดคร่อมที่ส่งมาเรียกเก็บจากธนาคารอื่น เป็นหน้าที่ของธนาคารผู้รับเช็คที่จะตรวจสอบ มิใช่หน้าที่ของธนาคารจำเลยซึ่งใช้เงินผ่านธนาคารผู้รับเช็ค ตามพฤติการณ์จึงฟังไม่ได้ว่าธนาคารจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะโดยประมาทเลินเล่อตามฟ้องดังนั้น ธนาคารจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share