คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งงดชี้สองสถานและงดพิจารณาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม2527 และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 11 เดือนเดียวกัน อันเป็นเวลาหลังจากที่ศาลสั่งถึง 5 วัน จำเลยมีโอกาสเพียงพอที่จะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งนี้ได้ แต่ไม่ทำ เป็นการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเรียกเงินตามเช็คซึ่งจำเลยสั่งจ่ายให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ก่อนเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้สลักหลังเช็คชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีทองบริการต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ได้ชำระเงินและดอกเบี้ยตามเช็คให้แก่ผู้ทรงไปแล้ว จึงขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คนั้นพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์สลักหลังมอบเช็คตามฟ้องให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีทองบริการ ไปขึ้นเงินจากธนาคารตามเช็คแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค ไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะฟ้องเกิน 1 ปีนับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว สั่งให้งดชี้สองสถานและงดพิจารณา พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีนี้จำเลยฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดชี้สองสถานและงดพิจารณาไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา แม้เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา แต่คำสั่งดังกล่าวแสดงว่าคดีเสร็จการพิจารณาและจะมีคำพิพากษาในอีก 5 วันต่อมา จำเลยจึงไม่มีความจำเป็นต้องโต้แย้งคำสั่งไว้เพราะหากจำเลยแพ้คดีจำเลยก็ย่อมอุทธรณ์คำสั่งพร้อมอุทธรณ์คำพิพากษาอยู่แล้วนั้นศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งงดชี้สองสถานก็ดี งดพิจารณาก็ดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา นอกเหนือจากคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227, 228 จำเลยต้องโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปเว้นแต่จำเลยจะไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งได้ คดีนี้ได้ความว่าศาลชั้นต้นสั่งงดชี้สองสถานและงดพิจารณา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม2527 และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 11 เดือนเดียวกันอันเป็นเวลาหลังจากที่ศาลสั่งถึง 5 วัน จำเลยมีโอกาสเพียงพอที่จะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งนี้ได้ แต่ไม่ทำ เป็นการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226’
พิพากษายืน

Share