แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยถอดกางเกงเดินเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายในขณะที่ผู้ตายไม่ได้สวมกางเกงและยืนพิงลูกกรงระเบียงอาคารซึ่งสูงเพียงระดับสะโพก โดยผู้ตายมิได้ยินยอม จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าหากผู้ตายหลบหลีกขัดขืนมิให้ข่มขืนกระทำชำเราแล้วอาจจะตกลงไปจากระเบียงอาคารถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้ตายดิ้นรนขัดขืนเพื่อมิให้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนผู้ตายพลัดตกลงไปจากระเบียงอาคารจนได้รับบาดเจ็บและตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำของจำเลยอันเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง, 80, 278, 288, 310, 83, 91
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง, 80, 278, 288, 310,83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ(ที่ถูกจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ) 20 ปี จำเลยที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 10 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80,มาตรา 278 และมาตรา 291 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยที่ 1 อายุ 18 ปีเศษ มีความรู้สึกผิดชอบดีแล้วไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำมีลักษณะร้ายแรงก่อให้เกิดผลร้ายจนผู้เสียหายถึงแก่ความตายให้ลงโทษสถานหนักจำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นให้ยก และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ขณะเกิดเหตุผู้ตายกับนายไพศาลขึ้นไปบนอาคารโรงเรียนเพื่อร่วมประเวณีกัน ต่อมาจำเลยทั้งสามตามขึ้นไปนายไพศาลจึงได้ผละออกมาจากผู้ตายซึ่งไม่ได้สวมกางเกงยืนหันหลังติดลูกกรงระเบียง จำเลยที่ 1 ถอดกางเกงเดินเข้าไปหาผู้ตายหันหน้าชนกันกับผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ยินยอมโดยร้องว่าให้ศาลคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว จำเลยที่ 1 พยายามจะข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย ผู้ตายขัดขืนจนพลัดตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ถอดกางเกงเดินเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายในขณะที่ผู้ตายไม่ได้สวมกางเกงและยืนพิงลูกกรงระเบียงซึ่งสูงเพียงกันโดยผู้ตายมิได้ยินยอมที่จะให้จำเลยที่ 1 กระทำชำเรานั้น จำเลยที่ 1ย่อมเล็งเห็นได้ว่าหากผู้ตายหลบหลีกขัดขืนมิให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราแล้วอาจจะตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้ตายดิ้นรนขัดขืนเพื่อมิให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราจนผู้ตายพลัดตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนจนได้รับบาดเจ็บและตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ 1 อันเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตายพยานฐานที่อยู่ จำเลยไม่มีน้ำหนักพอฟังหักล้างพยานโจทก์ จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กระทำอนาจารพยายามข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้อื่นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและไม่มีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80,มาตรา 278, มาตรา 288 และมาตรา 310 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2