คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การแปลงหนี้เงินกู้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ตามมาตรา350 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น สัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรซ้ำอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป 7,700 บาท ครบกำหนดแล้วไม่ชำระขอบังคับให้จำเลยใช้เงินต้นและดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า สัญญากู้ยืมที่โจทก์ฟ้องระงับไปแล้ว โดยโจทก์ยินยอมให้นายฉายลิ่มสามีจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ที่จำเลยค้างชำระอยู่ 6,500 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ สามีจำเลยก็ได้ชำระให้โจทก์ไปแล้ว 5 ครั้ง ยังคงค้างอยู่อีกเพียง1,495.50 บาท โจทก์ไม่คืนสัญญากู้เดิมให้อ้างว่าหายไป โจทก์นำสัญญากู้เดินมาฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยต่อสู้ว่า เงินที่จำเลยกู้จากโจทก์ไปนั้น ต่อมาได้มีการแปลงหนี้ใหม่โดยสามีจำเลยเป็นลูกหนี้แทนในเงินกู้จำนวน 6,500 บาท หนี้เดิมย่อมระงับไปโจทก์ฟ้องเรียกหนี้ตามสัญญากู้เดิมไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อว่าหนี้ของจำเลยนั้น ต่อมาได้เป็นที่ตกลงกันแปลงหนี้ใหม่ให้สามีจำเลยเป็นลูกหนี้แทนผ่อนชำระเดือนละ 1,000 บาท ในจำนวนเงิน 6,500 บาท โดยที่ได้ชำระให้ในวันแปลงหนี้แล้ว 1,200 บาท ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดเพราะการแปลงหนี้ใหม่นั้นชอบด้วยการพิจารณาแล้ว

ที่โจทก์ฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า การแปลงหนี้รายนี้ไม่สมบูรณ์เพราะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร และไม่มีลายมือชื่อผู้กู้นั้น ปรากฏว่า ตามหนังสือภาษาจีนที่สามีจำเลยเขียนให้นั้นมีความหมายถึงนายตั้วตี๋ว่าสามีจำเลยค้างเงิน ผู้ถือสมุดนี้ (คือโจทก์) อยู่ 6,500 บาท แล้วลงลายมือชื่อเป็นภาษาจีน ดังนี้ย่อมอนุมานได้ว่าสามีจำเลยเข้ามารับเป็นลูกหนี้เงิน 6,500 บาทต่อโจทก์ เป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 ส่วนที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์นั้น เมื่อฟังว่าหนี้สินรายนี้เป็นรายเดียวกับที่จำเลยเป็นตัวลูกหนี้เดิมการยกเอาหนี้เดิมมาเปลี่ยนตัวลูกหนี้ใหม่จึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร มิฉะนั้นแล้วหนี้รายเดียวกัน เวลาแปลงหนี้ใหม่ก็ต้องปิดอากรแสตมป์ซ้ำซากไม่รู้จักสิ้นสุด อันมิใช่เป็นความประสงค์ของกฎหมาย พิพากษายืน

Share